"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--

ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)



วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ตีหัวเด็กแล้วจะฉี่รดที่นอน?? นอกจากทำให้เจ็บแล้วสมองจะกระทบฯอีกด้วย เป็นกุศโลบายคนโบราณ ฉี่รดฯเป็นกรรมพันธุ์85% หายเองตอน3ปี หรือถูกบ่นจนหาย

ตีหัวเด็ก...เด็กจะปัสสาวะรดที่นอน


คนโบราณมักจะมีคำเตือนหลายๆ เรื่องเช่น จะบอกว่า 'อย่าไปตีหัวเด็กสิ เดี๋ยวคืนนี้เขาจะฉี่รดที่นอน' ซึ่งคำเตือนนี้เป็นความเชื่อหรือเป็นความจริงกันแน่


พ.ญ.เพียงทิพย์ พรหมพันธุ์ จิตแพทย์เด็กและวัยรุ่น โรงพยาบาล สมิติเวช ศรีนครินทร์ อธิบายว่า เรื่อง การห้ามตีหัวเด็กเพราะจะทำให้เด็กฉี่รดที่นอนนั้นจริงหรือไม่จริงก็ไม่ควรตีหัวเด็ก เพราะนอกจากจะทำให้เด็กเจ็บแล้ว บางครั้งอาจทำให้สมองของเด็กกระทบกระเทือนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กที่อายุต่ำกว่า 2 ขวบ เพราะกระหม่อมเด็กยังปิดไม่สนิทส่วนการที่เด็กโดนตีหัวแล้วปัสสาวะรดที่นอนนั้นอธิบายได้ว่า เด็กกลัวขณะที่โดนตี บางครั้งไม่ได้ถูกตีอย่างเดียวอาจจะถูกดุด้วย ทำให้กระทบกระเทือนจิตใจ จนทำให้ตอนกลางคืน เด็กอาจฝันร้ายหรือระบายความรู้สึกที่ไม่สบายใจนั้นออกมาด้วยการปัสสาวะรดที่นอน ถ้าบอกว่าถูกตีจนกระทั่งไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้คงเป็นไปยาก แต่ถ้าถูกตีแรงๆ เด็กก็อาจกลั้นปัสสาวะไม่ได้เหมือนกัน



ดังนั้นการปัสสาวะรดที่นอนอาจไม่เกี่ยวกับการที่เด็กถูกตีหัวแต่การที่โดนดุ และโดนลงโทษในตอนกลางวันอาจมีผลต่อการจะปัสสาวะรดที่นอนในตอนกลางคืนได้ เพราะฉะนั้นโดยหลักการแล้วไม่ว่าจะอธิบายในทางจิตวิทยาหรือใช้เหตุผลทั่วๆไป ความเชื่อนี้ก็น่าจะเป็นความจริง คือผู้ใหญ่ไม่ควรจะตีหัวเด็กและนี่คือภูมิปัญญาโบราณ หรือภูมิปัญญาชาวบ้าน หรือจะเรียกว่าภูมิปัญญาท้องถิ่นก็แล้วแต่จะเรียกคือกุศโลบาย หรือ กุศล+อุบาย ซึ่งเป็นวิธีการที่จะแนะนำให้เราทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งอย่างมีจิตใจดีเป็นกุศลนั่นคือความหวังดีของคนโบราณ แต่ยังไม่มีคำอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์เท่านั้นเอง


TIPS การปัสสาวะรดที่นอนเป็นพันธุกรรม ร้อยละ 85 ของผู้ที่มีอาการนี้มักมีประวัติสมาชิกในครอบครัวที่ปัสสาวะรดที่นอนและอีกสาเหตุหนึ่งคือเป็นโดยธรรมชาติของเด็ก เด็กชายจะควบคุมการขับถ่ายได้ดีกว่าเด็กหญิง เมื่ออายุ 2-3 ขวบมี1ใน3 ที่ต้องปัสสาวะรดที่นอน แต่6 ขวบ ไปแล้วจะหายยกเว้นถ้าถูกบ่นว่ามากจะไม่หาย


ข้อมูลประกอบ : เมื่อหนูฉี่รดที่นอน  คอลัมน์ ส่องโรค ไขสุข
หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันพุธที่ 24 มิถุนายน 2552 http://www.manarom.com/n34.html
ที่มา : ศูนย์แบ่งปันความรู้ นมข.
วิทยาศาสตร์รอบตัว(จาก สสวท.)
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น: