"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--

ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)



แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 140อักษร(ภาษาไทย) แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ 140อักษร(ภาษาไทย) แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2554

111 คำภาษาไทยนี้มีที่มา #FM99 & #ThaiWord

 รวมรวมจากทวิตเตอร์ 140 อักษร เกี่ยวกับ คำนี้มีที่มาในภาษาไทย แหล่งที่มาจากรายการทีวี การค้นคว้า และหนังสือในประเทศ ไม่สงวนสิทธิ์ในการเผยแพร่เนื้อหา แต่โปรดใช้วิจารญาณเพิ่มเติมหากนำไปใช้อ้างอย่างเป็นทางการ ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง ทวิตเตอร์ #FM99 และ #ThaiWord ... ขอบคุณครับ



1

  • "รำมะนา" ชื่อเฉพาะไม่ได้หมายถึงกลอง หมายถึง "บทสรรเสริญพระเจ้า" เป็นภาษาอาหรับ "ร็อบบานา"=พระเจ้าของเรา ใช้กลองนี้ประกอบสวด #ยกสยามTV #FM99
  • "ผ้าป่าเจ็ดชั่วโคตร"  (วัดสองพี่น้อง) ชื่อนี้เพราะ "อุทิศส่วนกุศลเจ็ดชั่วโคตร" ชาวบ้านจดชื่อญาติ 7 ลำดับลงไปเพื่ิอทำพิธีฯ #ยกสยามTV #FM99
  • "วิ่งรอก" ที่มาจาก "เล่นว่าว" เกิดจากใช้รอกผ่อนแรง ในการแข่งขันว่าวจุฬา และปักเป้า เปรียบวิ่งรับงานหลายที่ โฉบไปมา #ยกสยามTV #FM99
  • "ชนักปักหลัง" หลังอะไร.!? ชนัก(harpoon) เป็นหอกปลายเหล็กแหลม ผูกเชือกไว้ดึงกลับ อาวุธใช้ปักหลัง "จรเข้" โดยเฉพาะ http://bit.ly/i8iEjl #FM99
  • กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่อุระสัก “ร.ศ.112 ตราด” เพื่อจำไม่ลืมกับการบุกรุกของกองเรือรบฝรั่งเศส พร้อมทหารร่วมรบ http://bit.ly/eM1GaJ
  • MT @prajuk1980: "กินรังแตน" มาจากคนโบราณนำรังแตนเผา ให้หมากินเชื่อว่าทำให้มันดุ เห่าไปทั่ว เปรียบคนขี้โมโห (ยกสยาม ทีวี) #fm99
  • RT @prajuk1980: คำว่า "กั๊ก" ในภาษาจีนแปลว่าแยก "สี่กั๊กพระยาศรี" จึงแปลว่า สี่แยกของบ้านพระยาศรี (ยกสยาม ทีวี) #fm99
  • ราเม่น (Ramen)” มาจากภาษาจีนคำว่า 拉面 (ลาเมี่ยน) หรือลาก็คือการดึง เมี่ยนก็คือหมี่ http://bit.ly/dW0n6O #FM99
  • คำ "ไต๋" มาจาก "ไพ่" คนจีนเรียก "เผ" เป็นไพ่ 5 ใบ เปิดออก 4 เก็บไว้ 1 ใบ เมื่อเปิดไพ่อีกใบ จึงเรียก "เผยไต๋" #ยกสยามTV #FM99
  • ก่อนมาอยู่ระหว่างตัว หนังสือ "ช่องไฟ" อยู่ "ในกำแพง" มาก่อน ตามกำแพงวัดหรือวัง ช่องละเท่าๆกัน ต่อมานำมาใช้เป็นช่องเขียนลายไทย #ยกสยามTV #FM99


2

  • "หนองบัวลำภู" ที่มาจาก "ดอกบัว" ตั้งอยู่ที่ราบลุ่มเขาภูพาน มีหนองบัวอยู่ในลุ่มภูเขา ก่อนจะเพี้ยนไปเป็น หนองบัวลำภู ภู=ภูเขา #ยกสยามTV #FM99
  • "แหลง" มาจากคำว่า "แถลง" เป็นคำที่มาจากภาษาเขมร แปลว่า บอกเล่า หรือแจ้งให้ทราบ เมื่อเป็นภาษาใต้จึงกร่อนคำไป #ยกสยามTV #FM99
  • คำว่า "เค" ใน "ทองเค" มาจากคำ "กะรัต" (Karat) เป็นหน่วยความบริสุทธิ์ของทอง เต็มกะรัต=24k (1 กะรัต มีค่าเท่ากับ 0.2 กรัม) #ยกสยามTV #FM99
  • "เฮงซวย" ความหมายในภาษาจีนว่า "ไม่เฮงไม่ซวย" ระบุมาจาก ซิงซ่วย 興衰 แปลว่า ไม่มีโชคและไม่แย่ ไทยเพี้ยนความหมายไป #ยกสยามTV #FM99
  • "มังกร" แปลว่า "จรเข้" มาจาก "มกร" มี 3 ความหมายคือ สัตว์ในจิตนาการ ราศี และ จรเข้ ไทยใช้สื่อถึงสัตว์จินตนาการ จีนเรียก"หลง" #ยกสยามTV #FM99
  • "คางเหลือง" ที่มาจากคางคน คางเป็น 1 ใน 8 จุดสำคัญที่โดนกระทบถึงตายได้ หากคางเจ็บไม่ตาย โบราณใช้ไพรทาแก้ช้ำ จึงเหลือง #ยกสยามTV #FM99
  • "รุมสกรัม" มีที่มาจาก "รักบี้" SCRUM ศัพท์จากกีฬารักบี้ หมายถึงรุมกันเข้าไป ใช้ในความหมายเกี่ยวกับการกินก็ได้ (ยกสยามTV) #FM99
  • หอยและเห็ด อะไรเรียก "เป๋าฮื้อ" ก่อน .. มาจากภาษาจีน "เป้ายหวี" เป็นเห็ดชนิดหนึ่งเนื้อเหมือนหอย จึงตั้งชื่อพ้องตามหอย (ยกสยามTV) #FM99
  • "หวย" เกิดครั้งแรกของโลก เป็นการทาย "ผลสอบ" พนันผู้สอบเข้าราชการของจีนโบราณ ต่อมาสมมติชื่อตัวละคร หวยมาจาก "ฮุ้ย" แปลว่าสอบ (ยกสยามTV) #FM99
  • "โดดร่ม" ในอดีตหมายความว่า "มาแบบไม่ทันตั้งตัว" กำเนิดจากโดดร่มชูชีพเครื่องบิน ว่างก็กระโดดลง ใช้ในวงการราชการที่ย้ายใครมา (ยกสยามTV) #FM99


3

  • "ถนนรัชดาภิเษก" สร้างเพื่อทดแทนการสร้าง "อนุสาวรีย์" รัชดาภิเษก=ราชพิธี จอมพลถนอมคิดสร้าง ในหลวงดำริให้สร้างถนนแก้ไขจราจร (ยกสยามTV) #FM99
  • "ทองแผ่นเดียวกัน" เกิดขึ้นครั้งแรกระหว่าง "ประเทศ-ประเทศ" การทำสัญญาระหว่างประเทศ สมัยอยุธยาจะจารึกลงในแผ่นทองเดียวกัน (ยกสยามTV) #FM99
  • การค้นพบ "สบู่" เกิดจาก "การบูชายัญ" ด้วยการเผาแพะไปพร้อมกับแท่นบูชา เกิดไขมันรวมกับขี้เถ้า ไหลลงแม่น้ำ พบว่าทำให้ผ้าสะอาด (ยกสยามTV) #FM99
  • "เด็กซิ่ว" มาจากคำว่า "ฟอสซิล" พจนานุกรมคำใหม่ระบุ เด็กซิ่วตัดมาจากคำฟอสซิล หมายถึง อายุมากกว่าเฟรชชี่ (ยกสยามTV) #FM99
  • RT @prajuk1980: คำว่า Jumbo จริงๆแล้วไม่มีความหมายแต่ได้มาจากชื่อช้างแอฟฟริกาที่ลอนดอนที่มีขนาดใหญ่มากจึงแทนอะไรที่ใหญ่มาก (ยกสยามTV) #fm99
  • คนภาคเหนือ(ขาดแคลนปลา) ใช้ "ปู" ทำเครื่องปรุงรสแทนน้ำปลา ก.ค. - ต.ค. ช่วงข้าวแตกกอ ปูมากจึงนำมาตำเป็น "น้ำปู๋" (ยกสยามTV) #FM99
  • "ทอดสะพาน" โบราณสัญจรทางน้ำ เข้าบ้านใคร บ้านนั้นจะนำไม้กระดานมาทอดเป็นสะพานให้เดินเข้าบ้าน เชิงต้อนรับ (ราชบัณฑิต) #FM99
  • "ตัดหางปล่อยวัด" โบราณตัดหางไก่แล้วนำไปไว้วัดเพื่อแก้เคราะห์ ในวังใช้ปล่อยไก่ทิ้งไว้นอกเมือง http://bit.ly/bdwce9 #FM99
  • "ดอยมด" หรือ ดอยหมด จ.เชียงราย ได้ชื่อนี้เพราะ "ต้นไม้หมด" ยอดเขาไม่มีต้นไม้ขึ้นได้เลย ด้วยลมพัดแรงมาก (อนุสาร อ.ส.ท.) #FM99
  • "ปลาม้า" ได้ชื่อนี้เพราะ "ร้องเสียงดัง" ปลาร้องคล้ายเสียงม้า ด้วยมีถุงลมขนาดใหญ่ พบในท่าจีน http://bit.ly/fq3oPl (ยกสยามTV) #FM99


4

  • "บึงสีไฟ" (พิจิตร) ชื่อนี้เพราะ "สีไม้จนเกิดไฟ" สมัยยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ตายายนำไม้ไผ่มาสีจนเกิดไฟ ชาวบ้านตั้งชื่อไว้ (ยกสยามTV) #FM99
  • "ตะแลงแกง" ชื่อสี่แยกในสมัยกรุงศรีฯ อยู่ใกล้ๆคุก "คุ้มขุนแผน" เป็นที่ประหารนักโทษ จึงใช้คำนี้ต่อมา (ภาษาคาใจbook) #FM99
  • "ฝรั่ง" มาจาก "แฟรงก์" คือชาวยุโรปโบราณ ไทยเรียกเพี้ยนเป็น "ฝารัง" ต่อมามีคำ "ฝรั่งเสด" จึงผสมคำกันไป (ราชบัณฑิต) #FM99
  • ขมิ้นผสมปูนขาวจะเกิดปฏิกิริยากลายเป็นสีแดง และฆ่าฤิทธิ์ปูนให้อ่อนลง เปรียบคนไม่ถูกกันว่า "ขมิ้นกับปูน" (สืบสำนวน) #FM99
  • "สุดเสียงสังข์" จากรามเกียรติ ที่ชมนางสีดาว่างามจนต้องเหลียวมองจนสังข์ประโคมขบวนสิ้นไป Now!เปรียบทรงสาวที่ชวนมอง #Qooltwit #FM99
  • "ซังฮี้" ชื่อถนน (แปลว่า ยินดีอย่างยิ่ง) ต่อกับสะพานสร้างใหม่ ครั้นเสร็จ ร.5 พระราชทานนาม "สะพานกรุงธน" (กูเกิล) #FM99
  • นักพฤษศาสตร์ระบุ เดิมถนนงามวงศ์วานตัดติวานนท์ มีต้นแคเรียงราย จึงเป็น "แยกแคราย" นนทบุรีจึงเปลี่ยนป้าย"แคลาย"เดิม #FM99
  • "นาฬิกา" มาจากภาษาบาลี "นาฬิเก" แปลว่า มะพร้าว สมัยโบราณใช้กะลามะพร้าวเจาะรูลอยอ่างใช้ประเมินเวลาได้ (สารคดีmag) #FM99
  • "แม่น้ำกุดยางใหญ่" เจ้าเมืองร้อยเอ็ดขนานนาม มหาสาลคาม (มหา=ใหญ่,สาล=ต้นยาง,คาม=กุฏิ) ที่มา "มหาสารคาม" http://bit.ly/gXVpxe #FM99
  • โรงหนัง "สกาล่า" ตั้งชื่อตาม Teatro alla Scala แห่งมิลาน "ลิโด้" ตั้งตามชื่อโรงคาบาเรต์ Le Lido ในปารีส : ใบปิดหนังเก่า http://bit.ly/fBMNLc


5

  • FYI: คุณหญิงสุรีพันธ์ฯ ตั้งชื่อ "ข้าวผัดอเมริกัน" ส่วนโกเจ๊ก ทำให้คนไทยรู้จัก ไม่Thailand Only แต่ไทยเจ๋งสุด http://bit.ly/cPF3og
  • ‘เดิมคนไทยเรียกคู่รักว่า "ชิ้น" คำ "แฟน" ใช้อยู่นานจึงได้อยู่ในพจนานุกรม 2542 เป็นครั้งแรก http://bit.ly/e4ICNl #FM99
  • เจ๊สัว’ สมัยกรุงศรีถึง ร.4 กลายเป็น "เจ้าสัว" ปัจจุบัน จากภ.จีนว่า "‘จ่อซัว"(หรือ จ๋อซัว) http://bit.ly/fQEkDL #FM99
  • ปี2533 ราชบัณฑิตฯถกการใช้คำ "ไหล" - "ใหล" จากกรณีโรคไหลตายชาวอีสาน สรุปให้ใช้คำว่า "ใหลตาย" http://bit.ly/dFIHuQ #FM99
  • สำนวน "บ้าหอบฟาง" เกิดในสมัยอยุธยาใช้เรียก "คนโลภ" พบในกฏหมายมรดกในพระเจ้าปราสาททอง ขุนวิจิตรมาตราระบุคือคนโลภ (ยกสยามTV) #FM99
  • "เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก" (ไก่ร้อง) หมายความว่า "ฉันอยู่ที่นี่" เสียงไก่ตัวผู้ขันเพื่อบอกอยู่ที่นี่และเป็นเขตของมัน (ยกสยามTV) #FM99
  • นอกจากมีคำ สมบัติผู้ดี แล้วยังมี "สมบัตินักเลง" หมายถึง "เงินจากการพนัน" นักการพนัน สำนวนเก่าแก่ไม่นิยมใช้แล้ว(ยกสยามTV) #FM99
  • "ซอยพร้อมพงษ์" จากฯพระองค์เจ้าพร้อมพงษ์อธิราช เคยมีวังอยู่สุขุมวิท39 จากหม่อมเจ้า ร.6 อวยพระยศด้วยทำคุณต่อกรมศุลกากร (WiKi) #FM99
  • "ซอยนานา" มาจากนามสกุล "นานา" จข.ที่ดินตั้งแต่ทางรถไฟมา ครั้งตัดถนนจึงร่นบ้านไปอยู่หลังคูน้ำ บริจาคที่ให้กทม. (สกุลไทยmag) #FM99
  • "ฟางเส้นสุดท้าย" สำนวนอาหรับ Last Straw That Breaks The Camel’s Back วางแล้วทำให้หลังอูฐหัก! http://bit.ly/fqgxio #FM99


6

  • "ซอยทองหล่อ" มีโรงหล่อ.!? ไม่มี! ชื่อเดิมของ พลเรือโท ทหาร ขำหิรัญ (ทองหล่อ ขำหิรัญ) แห่งคณะราษฏร์ ยุคปี 2475 (สตรีสารmag)
  • "หลับไหล" คำว่าไหล แปลว่า "ละเมอ" มาจากภาษาลาว แปลว่า ทำสิ่งไม่รู้สึกตัวเวลาหลับ พูดเวลาหลับ (ยกสยามTV) #FM99
  • "คนหลักลอย" ที่มาจาก "หลัก" ที่ใช้ผูก "สัตว์" เปรียบการที่ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง (คำถามล้านแตก!-ยกสยามTV) #FM99
  • "เสียงดังแปดหลอด" หลอดอะไร? หลอดแก้วสุญญากาศเครื่องขยายเสียงยุคเก่า เปิดดูจะเห็นหลอดแก้ว8หลอด http://bit.ly/gHOCNM #FM99
  • ไอศกรีม Sundae ไช่ Sundayไหม!? ไช่! แต่กม.ห้ามขายไอศกรีมโซดาวันอาทิตย์ เป็นวันแซบบาธ เลี่ยงใช้ Sundae แทน http://bit.ly/dowTgO #FM99
  • ฮิปโปโปเตมัส (Hippopotamus) มาจากแอฟริกา รากศัพท์ภาษากรีก Hippo=ม้า & โปเตมอส(potamos)=แม่น้ำ รวมเป็น"ม้าแห่งแม่น้ำ" (WiKi) #FM99
  • สมัยเช็คสเปียร์ ที่นอนจะถูกยึดกับเตียงด้วยเชือก ยิ่งดึงเชือก ที่นอนจะยิ่งแน่นตึงพอนอน ที่มาคำ "goodnight,sleep tight" (WiKi) #FM99
  • ชาวบาบิโลนหลังแต่งงาน พ่อตาจะนำน้ำผึ้ง(Mead)ปรนเปรอลูกเขย เป็นเวลา1เดือน เรียก "Honey Month" เพี้ยนเป็น "Honey Moon" (WiKi) #FM99
  • Number ไม่มี O ทำไมใช้ No.!? ย่อมาจากภาษาลาติน "numero" การย่อ No. มีมาแต่โบราณ Eng ใช้ Number ภายหลัง http://bit.ly/zASxJ
  • "ทุเรศ" เพี้ยนจาก too late ในอดีตฝรั่งมาเปิดกิจการ คนไทยมาทำงานสาย ทูเหลด ก็เพี้ยนเป็น ทุเรศ http://bit.ly/de3nbE #FM99


7

  • "คนไม่มีแฟน" ราชบัณฑิตอธิบายไว้คือ การครองโสดถาวร(celibacy) = บุคคลดำรงสถานภาพสมรสเป็นโสดอยู่ตลอดชีวิต http://bit.ly/cBQU7J #FM99
  • RT @nithi_ni: RT @goofio1991 ทะเบียนเครื่องบินของไทยทุกสายการบิน จะขึ้นต้นด้วย HS ย่อจาก His Majesty The King Of SIAM #hismajesty // #FM99
  • RT @Cake_NBC: ในหลวง เกิดจากคำที่ชาวเหนือใช้เรียกพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่า "นายหลวง" ภายหลังจึงเปลี่ยนเป็น ในหลวง #WeLoveKing
  • "Nike" เป็นเทพธิดาแห่งชัยชนะในตำนานกรีก เมื่อยิ้มให้ใครผู้นั้นจะชนะ Nike คือรอยยิ้มไม่ไช่เครื่องหมายถูก http://bit.ly/1zuHzF #FM99
  • "ยุงก้นปล่อง" พาหะโรคมาลาเลีย "ปล่อง" เพราะขณะบริโภคเลือดจะก้มหัวลงไป แล้วสูบคล้ายปล่องไฟ ไม่ไช่ "ป่อง" (ยกสยามTV) #FM99
  • "ลางเนื้อชอบลางยา" เนื้อที่เปรียบคือ "เนื้อคน" ลาง=บาง บางคนชอบเนื้อ บางคนชอบยา ต่างคนต่างชอบคนละสิ่ง (ยกสยามTV) #FM99
  • "ปากคลองตลาด" ชื่อนี้เพราะเคยเป็นตลาดขาย "ปลาทะเล" ในสมัย ร.5 เป็นท่าเรือขึ้นปลาจากฝั่งทะเล ต่อมาย้ายไปหัวลำโพง (ยกสยามTV) #FM99
  • "สมรส" มาจากคำ สมะ=เสมอ และ รสะ=ความชอบ ความพึงใจ รวมความแล้วหมายถึง ความชอบหรือความพึงใจที่เสมอกัน (รักภาษา ล.2) #FM99
  • "จตุจักร" ..จักรอะไร.!? "สี่รอบจักรราศี" ในหลวงพระราชทานชื่อ "จัตุจักร" เนื่องวันเฉลิมฯ 4 รอบ เปิดให้บริการปี2523 (อสท.mag) #FM99
  • "ฉลาดเป็นกรด" เป็นด่างได้ไหม.!? ไม่ได้! โบราณเปรียบ "ลมกรด" พัดคดเคี้ยวได้ไกล และเปรียบกรดที่กัดกร่อน http://bit.ly/eYZOZj #FM99


8

  • "น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย" ได้ไง!? ปลาที่ชอบว่ายในกอผักบุ้งน้ำ เย็นเพราะแดดไม่ถึง คนไปเก็บบุ้งเจอปลาก็จับง่าย(สืบสำนวน) #FM99
  • "ควันหลง" หลงไปไหน.!? ควันที่หลงเหลืออยู่ในบ้องกัญชา ใครไม่เคยเสพก็พาลติด "หลงทางเสียเวลา ติดยาเสียอนาคต" (กูเกิล) #FM99
  • "สู้ยิบตา" สู้ใคร!? นำไก่ป่ามาเป็นไก่ชน ตีอึดจนตาฉีก ต้องเย็บตา เพี้ยนเป็น ยิบตา (ภาษาคาใจ) http://bit.ly/eFaMnU #FM99
  • "ฝากผีฝากไข้" ..ฝากทำไม.!? คนโบราณเปรียบ ฝากผี=ฝากทำศพตนเมื่อจากไป ฝากไข้=ฝากยึดเป็นที่พึ่งไปตลอด (ยกสยามTV) #FM99
  • หัวมังกุท้ายมังกร ไม่ไช่ หัวมงกุฏท้ายมังกร "มังกุ" คือเรือจีนชนิดหนึ่ง เปรียบหัวไปทางหางไปทาง #FM99
  • "อูมามิ" เป็นคำสามัญ คือโปรตีนผงชูรสชนิดหนึ่ง มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2451 จนปี 2543 USAมีอูฯรสชาติตนเอง (ท) http://bit.ly/eH9eii #FM99
  • "ขีดเส้นแดง" ..ทำไม.!? ข้าราชการในสมัยก่อน มาทำงานสายไม่ทันตรวจชื่อเข้างาน จะขีดเส้นใต้แดงไว้ดูผลปลายปี(ราชบัณฑิต) #FM99
  • "ส้มโชกุน" เป็นส้มเขียวหวานชนิด1 ผสมฯส้มบางมดกับส้มจีนบิทก้า อ.เบตง จ.ยะลา เป็นถิ่นกำเนิดและรสเลิศสุด http://bit.ly/ecVmU8 #FM99
  • "อุทัยธานี" มีที่มาจาก "อู่ไทย" แต่เดิมสมัยสุโขทัย ตรงนี้เป็นถิ่นที่อยู่ของคนไทย รอบๆด้วยชาวมอญ และอื่นๆ (ยกสยามTV) #FM99
  • "หัวบันได" อยู่ "ขั้นบนสุดของบันได" ส่วนล่างเรียกตีนกระได(คำช่าง)ไว้ล้างเท้าก่อนขึ้นเรือน คนมาเยอะจนหัวฯแห้งไม่ทัน(ยกสยามTV) #FM99


9

  • "สุ่มสี่สุ่มห้า" ที่มาจาก "การจับปลา" อุปกรณ์จับปลาเรียกว่าสุ่ม คนเก่งทีเดียวจับได้ ไม่ชำนาญต้อง 4-5 สุ่ม(ครั้ง) (ยกสยามTV) #FM99
  • สังขระบุรี ได้ฉายาว่า "สามประสบ" เพราะมี "แม่น้ำ" มาประสบกัน คือ คลิตี้ ซองกาเรีย รันตี จากพม่าบรรจบเป็นแควน้อย (ยกสยามTV) #FM99
  • "แก่งคุดคู้" (จ.เลย) ชื่อนี้เพราะ "มีศพนอนตายคุดคู้" ตำนานเชียงคาน พรานล่าควายป่าพิเศษ ถูกอุบายเณร ตายคู้ตรงนั้น(ยกสยามTV) #FM99
  • ชื่อหนู "ตะเภา" ชื่อนี้เพราะ "มากับเรือสำเภา" ถิ่นกำเนิดจากเปรู ติดมากับเรือสำเภา พร้อมไก่ สมัยต้นร.3 (ยกสยามTV) #FM99
  • เบาหวาน มาจาก เบา=ปัสสาวะ, หวาน=มีน้ำตาลในปัสสาวะ มีอาการแทรกซ้อนมาก คนกรุงเป็นมากขึ้น เหตุจานด่วน&ของเวฟ (มติชนtap) #FM99
  • "เสือกระดาษ" ที่มาจาก "เมืองจีน" เป็นสำนวนเก่าแก่ของจีน เหมาเจอตุงนำเผยสื่อบอก USไม่มีอะไรเหมือนเสือฯ (ยกสยามTV) #FM99
  • "ผู้ดีตีนแดง" ..เหยียบอะไรมา.!? เปล่า! คนไม่เคยตรากตรำ เดินบ่อยๆ ผิวเท้าจะแดง เกิดจากมีเลือดฝาด (ราชบัณฑิต) #FM99
  • "สก๊อยจัง" เป็นตัวละครที่ออกแบบมา โอกาส7ปีมอนสเตอร์คลับ เป็นคู่รักกับแซปคุง ไทยมาเรียกแว้น..ซะ (คำรอบัญญัติBook) #ThaiWord
  • anchor (น) แปลว่า "สมอเรือ" มาจากภาษากรีก แปลว่า "เบ็ดตกปลา" เมื่อทหารเรือทอดสมอ จะพูด "หย่อนเบ็ด" http://bit.ly/eESPna #FM99
  • "ศรศิลป์ไม่กินกัน" ศร-ศิลป์ = ลูกธนูทั้ง2 จากรามเกียรติ พระรามพ่อยิงธนูกลายเป็นขนม พระลบยิงเป็นพวงมาลัย(สืบสำนวน) #FM99


10

  • เสาคอนกรีต บนยอดเขาสะแกกรัง มีไว้ทำไม.!? ไม่ไช่เสา คือหมุดแผนที่โลก ปักครั้งสำรวจ ปี 2475 แล้ว http://yfrog.com/0f8lr0j #FM99
  • "ไม่กินเส้น" ..เส้นอะไร.!? มาจากตำรานวดแผนไทย หมายถึงนวดหรือจับ "เส้นเอ็น" ที่ไม่ถูกจุด อาจมีผลเจ็บ (ราชบัณฑิต) #FM99
  • "ดำตับเป็ด" ..ดำยังไง.!? มาจากชื่อหิน "สีดําเจือแดง" นอกจากนี้ยังเป็นชื่อมะม่วงพันธุ์หนึ่ง http://bit.ly/hh8QMG #FM99
  • "แจงสี่เบี้ย" ..ทำไมต้อง4.!? พนันถั่วหรือโปสมัยก่อน เจ้ามือจะนำเบี้ยแจงออกทีละ4 ให้ทายว่าเหลือกี่เบี้ย http://bit.ly/eOpzMH #Thaiword
  • "นอนมา" ..นอนท่าไหน.!? มาจากธรรม "อาปัตติภยวรรคที่ ๕" ระบุท่านอนของราชสีห์สื่อว่าสง่า "นอนตะแคงขวา เท้าเหลื่อม" (กูเกิล) #Thaiword
  • "ลูกไม้" หมายถึงมีเล่ห์เหลี่ยม คำมาจากการเล่นกระบี่กระบอง (เป็นไม้) มีกลยุทธที่มากท่า พลิกแพลงมาก http://bit.ly/fNSvsc #FM99
  • ทำไมรถม้า..ต้องลำปาง.!? 80 ปีที่แล้ว ม้าอพยพมาจากบางกอก เพราะลำปางมีสมาคมฯ และมีกฎฯเพื่อม้าฯจว.เดียว http://bit.ly/hUEWkT #FM99
  • "เรือหางยาว" ลำแรกของโลก เกิดที่ จ.สิงห์บุรี ปี 2476 ทำจากมีดโต้เหล็กม้วน http://bit.ly/hgf8Ds Now!USจะก็อปละจดสิทธิ์ยัง!? #FM99
  • ทำไมสีลม.!? สร้างสมัย ร.4 เดิมชื่อ "ถนนขวาง" เป็นคันดินขวางคลอง ฝรั่งนำเครื่องสีลมมาวิดน้ำ เด่นกลางทุ่ง http://bit.ly/cq6xlW #FM99
  • นิสิต.!? (บาลี) แปล “ผู้อาศัยกับอุปัชฌาย์” คือพักกันในวัด นิสิตจึงหมายถึง ม.ที่มีหออยู่ด้วย ในอดีตมี3ม. http://bit.ly/hBH6AU #FM99


11

  • อัมพวา (น.) แปลว่า ป่าหรือสวนมะม่วง (เหมือน อัมพวัน) (ราชบัณฑิต) แต่ตลาดอัมพวามีบันทึกว่าช้างเยอะ มะม่วงก็อาจมีมาก่อน(กูเกิล) #FM99
  • แม่ฮ่อง..สอน..อะไร!? ร.3 ส่งเจ้าแก้วเมืองมา พบร่องน้ำชวนไทยใหญ่สร้างหมู่บ้าน ฮ่อง=ร่องน้ำ สอน=สอนช้าง ร่องน้ำสอนช้าง(กูเกิล) #FM99
  • FYI: ปล้น "สะดม" หรือ "สดมภ์" !? สดมภ์=เสาหลัก, สะดม=ขโมยโดยวางยาให้หลับ(เขมร) ถ้าไม่วางยาเป็น"ปล้น"เฉยๆแต่อนุโลม http://bit.ly/fJjIFp
  • นิ้วกลาง..ช้างน้อย..ชูมานานยัง.!? ดิจิตุส อินฟามุส=นิ้วทะลึ่ง ชูครั้งแรกในละครกรีก The Clouds 2500ปีมาแล้ว http://bit.ly/g1DtsA #FM99
  • ในสมัย ร.6 เรียกนักฟุตบอลมีฝืมือว่า"นักเลงฟุตบอล" นักเลงมีความหมายดีเด่น/ชำนาญ แนะนำ"สมาคมประวัติศาสตรืฟุตบอลไทย" http://bit.ly/aAaCpd #FM99
  • "ลูกจุเป๊าะ" ของชาวม้ง เป็นลูกบอลใช้ในประเพณีปีใหม่ชาวม้ง ใช้โยนรับไปมา หนุ่มพอใจสาวคนไหนก็จะไปขอเล่นด้วย โอกาสให้จีบกัน (ยกสยามTV) #FM99
  • "เถียงคำไม่ตกฟาก"..ฟากอะไร.!? เด็กออกจากครรภ์เรียกเวลาตกฟาก ลงบนพื้นเรือน เปรียบเถียงแบบดื้อดึงไม่ยอมลง http://bit.ly/fVSld7 #FM99
  • ถีบหัวส่ง..หัวอะไร.!? เดิมสัญจรทางน้ำ เมื่อเรือรับจ้างส่งถึงที่ คนก็ก้าวขึ้นเรือพร้อมถีบ"หัวเรือ"ให้ตนขึ้นฝั่งง่าย(ยกสยามTV) #FM99
  • "กระดาษ" มาจากคำ papyrus(กกอียิปต์) ได้คำ "Paper" เข้าไทยโดยโปรตุเกสสมัยอยุธยาเรียก cartas คำเพี้ยนไป http://bit.ly/hQDe4y #FM99
  • แก่งคอย..คอยอะไร.!? คนสมัยก่อนต้องมา"คอยเรือ"ที่จะล่องทวนน้ำขึ้นไปโคราชหรือเพชรบูรณ์ที่เมืองแก่งนี้ http://bit.ly/hlYwTi #FM99
  • ทำไมต้องหลัก4..!? ร.5 โปรดให้ขุดคลองระยะ100เส้น รอบพระนคร 1ในคลองนั้นคือ คลองเปรมฯเชื่อมบางปะอิน ชุมชนมีหลักที่4ของคลองอยู่ (ท.wiki) #FM99



ทวิตข้างต้น เผยแพร่ระหว่าง 12 พ.ย. 53 - 12 ม.ค. 34

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

"กระดาษ" มาจากคำ papyrus(กกอียิปต์) ได้คำ "Paper" นำเข้าไทยโดยโปรตุเกสเรียก cartas เพี้ยนเป็นกระดาษ

กว่าจะมาเป็นคำว่า "กระดาษ"

คำว่า paper นั้นมีวิวัฒนาการมาจากรากศัพท์เดิมซึ่งก็คือ papyrus (กกอียิปต์) หรือต้นปาปิรัสที่ชาวอียิปต์โบราณนำมาใช้ทำเป็นกระดาษนั่นเอง

ต้นปาปิรัส



ส่วนคำว่า..กระดาษ.. ก็ไม่ใช่คำไทยแท้สักทีเดียวนัก ความจริงบ้านเรามีกระดาษ ใช้แต่โบราณนานมาแล้วเป็นกระดาษแบบไทยๆ เรียกกันว่า “สมุดไทย หรือสมุดข่อย” ทว่ากระดาษยุคใหม่แบบฝรั่งมังค่า เขาว่า โปรตุเกส นำเข้ามาครั้งอยุธยา เรียกว่า cartas คนไทยเราเรียกตาม ไปๆ มาๆ ก็กลายมาเป็น “กระดาษ” ไปจนได้







ที่มา
บทความต้นฉบับ : http://www.itie.org/eqi/modules.php?name=Journal&file=display&jid=97
อ้างอิงเสริม http://www.school.net.th/library/snet2/history_math/papyrus.htm
และ http://en.wikipedia.org/wiki/Papyrus
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทำไมไม่เฒ่าหัวปลาทู? จากDirty old man ซึ่งงูเป็นสัตว์อ้างถึงบาปของคริสต์ ฯฟรอยด์บอกงูแสดงถึงเพศ ไม่มียายหัวงู สรุปไม่ได้ว่าไทยนำคำนี้มาได้ไง

คำว่า "เฒ่าหัวงู" มันเป็นอย่างไร ?



มีคนเรียกเป็นภาษาอังกฤษแบบติดตลกว่า Snake headed old man ซึ่งถือได้ว่าเป็น Thinglish (Thai +English) อย่างมาก ๆ ความจริงฝรั่งเค้าเรียกว่า Dirty old man (middle-aged or elderly man with lewd or lecherous inclination) ซึ่งไม่เกี่ยวกับงูเลย ส่วนคำว่า old man ความจริงก็บอกอายุที่แน่นอนไม่ได้ ผู้ชายอายุสามสิบแต่ไปตามจีบเด็กอายุต่ำกว่าสิบห้า ก็น่าจะเป็นเฒ่าหัวงูได้เหมือนกัน

ทำไมต้องเป็นเฒ่าหัวงู ทำไมไม่ใช่เฒ่าหัวแมว หรือเฒ่าหัวปลาทู ?


ตาม ความเชื่อของศาสนาคริสต์ งูคือสัญลักษณ์แห่งความบาป และกามารมณ์ ซาตานปลอมเป็นงูขึ้นไปบนสวรรค์เพื่อหลอกให้อีฟกินแอ๊ปเปิ้ลจากต้นกลางสวนที่ พระเจ้าทรงห้าม และยังหลอกผัวรักคืออดัมให้มาแจมด้วย ผลคือทั้งคู่ถูกพระเจ้าขับออกจากสวรรค์ไป ชาวคริสต์ถือกันว่าการกินแอ๊ปเปิ้ลนั้นคือบาปดั้งเดิม (Original Sin) ของมนุษย์ ดังนั้นงูกับคำว่าบาปจึงใกล้ชิดกันมาก ส่วนชาวเอเชียมองงูในมุมกลับกัน ชาวอินเดียบางชนเผ่าบูชางู ส่วนศาสนาพุทธก็มีแนวคิดคล้ายกันคือบูชางู แต่เป็นงูยักษ์หรือพญานาคที่เป็นสัตว์ในจินตนาการ พญานาคเป็นสัตว์ที่อุปถัมภ์ค้ำชูพระพุทธศาสนา

กระนั้นก็ยังตอบคำถามไม่ได้ว่าทำไมคำไทยถึงเรียกว่า "หัวงู" ? ทั้งที่ฝรั่งไม่ได้บัญญัติคำนี้




ดังนั้นเราน่าหันไปหา Sigmund Frued ศาสดาของจิตวิทยาสำนัก จิตวิเคราะห์ (Psychoanalysis) ดีกว่า ฟรอยด์จะเน้นการวิเคราะห์สิ่งที่อยู่ภายใต้จิตใต้สำนึกของมนุษย์ (Unconsciousness) ผ่านสัญลักษณ์ต่าง ๆ โดยมีเรื่องเพศเป็นประเด็นสำคัญ ซึ่งฟรอยด์เห็นว่าเป็นแรงขับเคลื่อนพฤติกรรมของมนุษย์ พร้อมๆ กับเรื่องความก้าวร้าว ฟรอยด์วิเคราะห์ว่างูคือสัญลักษณ์หรือตัวแทนของ องคชาติ (Phallic) หรืออวัยวะเพศของผู้ชายนั่นเอง ดังนั้นจึงน่าจะมาอธิบายกับคำว่า "เฒ่าหัวงู" ได้นั่นคือ "เฒ่าที่มีความปราถนาในการใช้องคชาติของตนในการร่วมประเวณีกับหญิงสาว" ซึ่งน่าจะพออธิบายได้ว่าทำไมไม่มีคำว่า "ยายหัวงู" หรืออธิบายถึงความเชื่อที่ว่า "ถ้าฝันถึงงู จะได้พบเนื้อคู่" (ประโยคนี้น่าจะใช้กับหญิงสาวเท่านั้น)

นอกจากนี้เราน่าจะนำมา วิเคราะห์ว่าทำไมผู้ชายที่จีบสาวไปทั่วถึงถูกเรียกว่า ไอ้หน้าหม้อ เพราะหม้อหมายถึงอวัยวะเพศหญิงในระดับจิตใต้สำนึก


ทำไมผู้ชายจำนวน มากถึงเป็น "เฒ่าหัวงู" ? หากเราใช้ภาษาแบบ Jacques Lacan ศาสนุศิษย์ของฟรอยด์และพวกสตรีนิยม (Feminist) การเป็นเฒ่าหัวงูคือการใช้องคชาตของตัวเองในการเสริมสร้างความเป็นใหญ่ของ ชาย (Male Dominance) ซึ่งครอบงำสังคมทั่วโลก ถึงแม้คำว่า "เฒ่าหัวงู"จะดูน่ารังเกียจก็ตามแต่เราจะเคยชินกับคำว่า คุณผู้ชายที่บ้านแอบไปมีอีหนูหรือมีบ้านเล็กบ้านน้อย ซึ่งดูเป็นเรื่องธรรมดาไปกลายเป็นวัฒนธรรมมวลชน (Pop Culture) เช่นละคร ภาพยนตร์ตลก ให้คนดูเฮฮา ในทางกลับกันหากผู้หญิงแอบมีผู้ชายคนอื่น สังคมจะดูเป็นเรื่องจริงจัง และไม่เคยเรียกว่า ผู้หญิงแอบไปมีบ้านเล็กบ้านน้อยแต่จะเรียกว่า "ชู้" แทน (ปัจจุบันคำว่ากิ๊กทำให้ดู Soft ลง) แสดงว่าสังคมเห็นว่าผู้ชายเท่านั้นที่มีสิทธิ์ในการสร้าง "บ้าน"

ในอดีตหลายสังคมในเอเชียจะเสริมสร้างหรือบูชา "เฒ่าหัวงู" เป็นยิ่งนัก ชนชั้นสูงจะนิยมมีภรรยามากกว่าหนึ่งคน (และเมียน้อยจะอายุน้อยมาก บางคนก็อายุแค่สิบห้า) ในขณะชนชั้นล่างเช่นไพร่กับทาส มีได้แค่คนเดียว (แค่นี้ก็จะตายอยู่แล้ว) ปัจจุบันถึงแม้สังคมจะนิยมผัวเดียวเมียเดียว และผู้หญิงมีปากมีเสียงมากขึ้น ภรรยาหลายๆ คนก็ยังยอมรับการมีอีหนูของสามี (ถึงแม้ด้วยน้ำตา)


ปัจจุบัน คำว่า "เฒ่าหัวงู" ก็ยังทรงพลังอยู่โดยผ่านคำ "เจ้านาย" และ "ลูกน้อง" เจ้านายโดยมากเป็นผู้ชายและแต่งงานแล้ว ปฏิบัติการเป็นเฒ่าหัวงูย่อมเริ่มต้นจากการล่วงละเมิดทางเพศ (Sexul Harassment) ไม่ว่าทางวาจา (พูดจาเกี้ยวพาราสี หรือพูดสองแง่สองง่าม) หรือการกระทำ (เกาะไหล่ แตะอั๋ง) เมื่อฝ่ายหญิงยอมเล่นด้วย ก็จะกลายเป็นเมียน้อยหรือ One night stand (กิ๊กคืนเดียว) ไป หรือไม่ยอมก็ถูกข่มขืนหรือ ออกจากงานหรือไม่ขึ้นขั้นเงินเดือน ถ้าผู้หญิงใจเด็ดก็ฟ้องร้องขึ้นโรงขึ้นศาลกันไป



ทำไมผู้หญิงบางคนถึง ยอมเป็นเมียน้อยของ "เฒ่าหัวงู" อย่างเต็มอกเต็มใจ ? ถ้าจะตอบว่าเพราะชอบความสะดวกสบาย เพราะเฒ่าหัวงูซึ่งเป็นเจ้านายหรือเศรษฐีสามารถบันดาลทุกอย่างได้ ก็ถูก แต่หากมองแบบจิตวิเคราะห์ ลึกๆ แล้วเธอเหล่านั้นต่างปรารถนา "ความเป็นพ่อ" (Father figure) จากผู้ชายสูงอายุ อย่างที่ผู้ชายรุ่นเดียวกันตอบสนองให้ไม่ได้ ผู้หญิงเหล่านั้นจึงเป็นหนึ่งในการสานต่ออุดมการณ์สังคม "ผู้ชายเป็นใหญ่"อย่างไม่รู้ตัว


ที่มา : กรมส่งเสริมสุขภาพจิต
กูเกิลกูรู ,
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

เรือนสามน้ำสี่?? โอวาทผู้ใหญ่ต่อเจ้าสาว 1)บ้านเรือน 2)เรือนผม 3)เรือนกาย 1)น้ำใจ 2)น้ำคำ 3)น้ำมือ(ฝีมืออาหาร) 4)น้ำเต้าปูนหมาก(ไม่ขี้เกียจ)

ความหมาย "เรือนสามน้ำสี่”
คำว่าลูกผู้หญิงต้องเพียบพร้อมไปด้วย “เรือนสามน้ำสี่” หมายความว่าอะไร





คำว่า “เรือนสามน้ำสี่” มักจะได้ยินเวลาที่ผู้หลักผู้ใหญ่อวยพรให้กับเจ้าสาวเป็นหลักยึดในการครองชีวิตคู่ หลังจากแต่งงานออกเหย้าออกเรือนไป

เรือนแรก คือ บ้านเรือน ผู้หญิงจะต้องทำความสะอาดเช็ดกวาดถูบ้านเรือนให้สะอาดตลอดเวลา รวมไปถึงการจัดเก็บข้าวของเครื่องใช้ไม่ให้เกะกะรกหูรกตา ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย

เรือนที่สอง คือ เรือนผม ผู้หญิงจะต้องมีเรือนผมที่สะอาด ดูดีเรียบร้อย ทั้งก่อนเข้านอนและหลังจากตื่นนอนแล้ว

เรือนที่สาม คือ เรือนกาย เรื่องนี้สำคัญ เพราะผู้หญิงที่เนื้อตัวดูสกปรกมอมแมม ย่อมไม่น่ามองนัก




ส่วนน้ำสี่นั้น น้ำแรก คือ น้ำใจ ฝ่ายหญิงจะต้องรู้จักการมีน้ำใจต่อสามี บุตรธิดา รวมไปถึงพ่อแม่ของฝ่ายสามีและญาติพี่น้อง เช่น ให้การต้อนรับที่ดี สำรับคาวหวานต้องไม่ขาดตกบกพร่อง เมื่อไปเยี่ยมญาติพี่น้องก็ต้องแสดงน้ำใจอาจมีของฝากเป็นเสื้อผ้าหรือผลไม้

น้ำที่สอง คือ น้ำคำ ผู้หญิงต้องมีมุธรสวาจาไพเราะเสนาะหู อ่อนหวาน ไม่ว่าจะโอภาปราศรัยกับสามี ญาติพี่น้องหรือบุคคลอื่น งดการนำเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจต่างๆ มาพูดให้สามีฟัง ถ้าจะพูดต้องดูกาลเทศะให้ดี

น้ำที่สาม คือ น้ำมือ ลูกผู้หญิงต้องมีฝีมือในการทำอาหารการกิน รสชาติต้องอร่อย สะอาดสะอ้าน รู้ใจคนในบ้านว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร รู้จักการทำแบบประหยัดแต่มีคุณค่า

น้ำที่สี่ คือ น้ำเต้าในปูน สมัยก่อนทุกบ้านเรือนจะมีเต้าปูนแดงที่ใช้กินกับหมาก เจ้าปูนแดงนี้จะต้องมีน้ำหล่ออยู่เสมอ ปูนแดงจะได้ไม่แห้งแข็ง เวลาใช้ไม้พายป้ายปูนใส่ใบพลูจะได้ปาดได้เรียบ ถ้าเต้าปูนบ้านใครเมื่อยกมารับแขกแล้วน้ำในเต้าปูนแห้ง ถือว่าลูกสาวบ้านนี้ขี้เกียจ หรือเป็นแม่บ้านที่บกพร่อง



ที่มา : เบญกัลยาณี เมธีสอนครองเรือน พ.ศ. 2519
เว็บเผยแพร่ : http://www.isan.clubs.chula.ac.th/rean3nam4/
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ทำไมเรียกสบู่? ยุคกรุงศรีฯญี่ปุ่นนำมาขายแต่เป็นของยุโรปที่ไปค้าขายในญี่ปุ่น โซป(SOAP) ญี่ปุ่นเรียก โซปปุ (SOAPU) แต่ไทยเรียกเพี้ยนเป็น สบู่ // โออิชิและอร่อยคำเดียวกัน?? ร้านอาหารญี่ปุ่น โฆษณาว่า โออิชิ=อร่อย คนไทยฟังแล้วชอบพูดสั้นๆว่า อาหารรสเอมโอชและโอชะ เป็นคำเพี้ยนจากโออิชิ

ที่มาของคำว่า โอชะ และ สบู่



ตั้งแต่กรุงศรีอยุธยามาแล้ว เมืองสยามเป็นแหล่งที่นานาชาติไม่ว่าอังกฤษ ฝรั่งเศส โปรตุเกส หลาย ๆ ชาติ รวมทั้ง จีน ญี่ปุ่นด้วยเข้ามาทำมาหากิน


ปัจจุบันนี้หากท่านขับรถจากปทุมธานีขึ้นไปตามถนนปทุมธานี-อยุธยา ผ่านศูนย์ฝึกวิชาชีพบางไทร ก่อนจะเข้าตัวเมืองซ้ายมือจะมีหมู่บ้าน (อดีต) ของชาวต่างชาติ มีป้ายปักไว้ว่า หมู่บ้านญี่ปุ่น


มันเป็นธรรมชาติแต่ละชาติพูดภาษาของตนเองชัด ลูกค้าคนไทยก็ใช้คำพูดมาเรียกชื่อเหล่านั้น สินค้าที่ญี่ปุ่นนำมาขาย เช่น ภาพยนตร์ (เรียกว่าหนังญี่ปุ่น) อย่างเช่นเรื่อง โจโจ้ซัง มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ไทย เรื่องคล้ายกันแต่ชื่อว่า สาวเครือฟ้า และ กุหลาบเชียงใหม่ เป็นต้น สินค้าอีกอย่างหนึ่งคือ จักรยานยี่ห้อ MAYAM คนไทยเรียกรถถีบ ญี่ปุ่นว่า ม้าย่ำ คุณภาพยังไม่ดีนัก

ร้านอาหารญี่ปุ่น โฆษณาอาหารว่า โออิชิ แปลว่า อร่อย คนไทยฟังแล้วและก็ชอบพูดสั้นกว่า อาหารรสเอมโอชและโอชะ ซึ่งก็เป็นคำเพี้ยนจากโออิชิ



สินค้าจากญี่ปุ่นมีสบู่ใช้ซักผ้าและถูตัวด้วย สบู่ไม่ใช่สินค้าของญี่ปุ่น แต่เป็นของคนยุโรปที่ไปค้าขายในญี่ปุ่น และคนญี่ปุ่นเรียกโซป (SOAP) เป็นโซปปุ (SOAPU) ดังนั้น ญี่ปุ่นที่มาขายสินค้าในไทยจึงเรียกตามสำเนียงตนเองว่า โซปปุ แต่ประสาไทย ๆ เรียกเพี้ยนไปว่า สบู่ เป็นอันว่าคนไทยพูดฟังไทยได้ภาษาที่เป็นไทยเป็นภาษาไทยตลอดมา





ที่มา ภาษาคาใจ โดย สังคีต จันทนะโพธิ
ภาษา พาสนุก, หนังสือ.
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

☆หลาน=ลูกของลูก ☆เหลน=ลูกของหลาน ☆ลูกของเหลน=ลื่อ ☆ลูกของลื่อ= ลืบ ☆ลูกของลืบ=ลืด "โหลน" เป็นคำสร้อยเพลง “ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้าฯ" เท่านั้น

ลูก หลาน เหลน ลื่อ ลืบ ลืด ไม่มี โหลน นะ



ในบทเพลงปลุกใจให้รักชาติรักผืนแผ่นดินไทยเพลงหนึ่ง มีข้อความว่า

“ลูกหลานเหลนโหลนภายหน้า จะได้มีพสุธาอาศัย”


คนทั่วไปรู้จักคำว่า ลูก หลาน เหลน และรู้ว่า
เหลนเป็นลูกของหลาน และหลานเป็นลูกของลูก
จึงมักจะคิดว่า โหลน น่าจะเป็นลูกของเหลนด้วย
แต่ที่ถูกนั้น โหลน เป็นเพียงคำสร้อย
ที่มาต่อท้ายคำว่า ลูก หลาน เหลน ให้ได้จังหวะ ๔ พยางค์
ไม่มีความหมายอะไร


ที่ถูกนั้น
ลูกของเหลน เรียกว่า ลื่อ
ลูกของลื่อ เรียกว่า ลืบ
และลูกของลืบ เรียกว่า ลืด


ที่มา บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.

วันเสาร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ปล้น"สะดม"หรือ"สดมภ์"? สะดมภ์=เสาหลัก, สะดม=ขโมยโดยวางยาให้หลับ(เขมร) ถ้าไม่วางยาให้หลับไม่น่าจะเป็น"ปล้นสะดม"ควรเป็น"ปล้น"เฉยๆ แต่อนุโลมได้

คำที่มักเขียนผิดอยู่เสมอโดยเฉพาะในหนังสือพิมพ์ คือแทนที่จะเขียนคำว่า "ปล้นสะดม" ก็มักเขียนกันเป็น "ปล้นสดมภ์"



คำว่า "สดมภ์" เป็นคำนามหมายความว่า เสา หลัก
คำว่า "สะดม" เป็นคำกริยาหมายความว่า ขโมยโดยวางยาให้หลับ (เป็นคำมาจากภาษาเขมร)

คำว่า "ปล้น" เป็นคำกริยาหมายความว่า คุมพวกมีอาวุธครบมือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป แย่งชิงสิ่งของ คนอื่นด้วยความบังอาจ,ใช้กำลังลอบหักโหมเอาโดยไม่รู้ตัว

เมื่อเอาคำว่า "ปล้น" กับ "สดมภ์" มารวมกันเป็น "ปล้นสดมภ์" ก็จะต้องแปลว่า "ปล้นเสา, ปล้นหลัก" แต่ในความจริงเราต้องการให้หมายถึง การแย่งชิงเอาสิ่งของคนอื่นด้วยความบังอาจมากกว่า อาจจะปล้นอะไรก็ได้ ปล้นวัน ปล้นควาย ปล้นทรัพย์สินเงินทอง เมื่อเป็นเช่นนี้จึงควรใช้คำว่า "ปล้นสะดม" ซึ่งแปลว่า "คุมพวกมีอาวุธครบมือตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป แย่งชิงสิ่งของของคนอื่นด้วยความบังอาจโดยวิธีวางยาให้หลับ"

ถ้าไม่วางยาให้หลับก็ไม่น่าจะเป็น "ปล้นสะดม" คือควรจะเป็น "ปล้น" เฉยๆแต่เรามักเขียนเป็น "ปล้นสะดม" ทั้งๆที่ไม่ได้วางยาให้หลับเลยก็ตาม ทั้งนี้คงเพราะไม่เข้าใจว่า คำว่า "สะดม" หมายความว่าอย่งไร แต่ก็ยังดีกว่าที่เขียนว่า "ปล้นสดมภ์" ซึ่งหมายความว่า "ปล้นเสา,ปล้นหลัก" อย่างแน่นนอน


ที่มา : จำนงค์ ทองประเสริฐ : ภาษาของเรา
ที่มา : กูเกิลกูรู
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

12 ทำไมต้องโหล? คำจากจีน Dozenที่จีนออกสียง"ด"ไม่ชัด ชาวสุเมฯคิดเลขฐาน60 ง่ายต่อการแบ่ง12=5 ส่วนของ60 12ชาวโรมันถือเป็นเลขศักดิ์สิทธิ์(ราศี)

"โหล"


สงสัยมานานแล้วว่า ทำไมเขาถึงนิยมขายสินค้ากันเป็นโหล ทั้งๆ ที่ขายทีละ 10, 15 หรือ 20 ชิ้นน่าจะคิดเงินง่ายกว่า น่าจะมีที่มาของการขายของทีละ 12 ชิ้น



ข้อมูลจากเว็บไซต์วิกิพีเดีย ระบุว่า โหลมาจากภาษาอังกฤษว่า Dozen แปลว่าจำนวนสิบสอง รากศัพท์ภาษาละตินว่า duodecim เชื่อว่าเป็นการนับเลขรวมกลุ่มแบบแรกๆ เพราะตัวเลข 12 มาจากฐานการนับรอบดวงจันทร์โคจรรอบดวงอาทิตย์ รู้จักว่าเป็นระบบจำนวนฐานสิบสอง หรือทวาทิศนิยม (duodecimal system) 12 โหลเรียกว่า 1 กุรุส (a gross) การนับโหลสะดวกสบาย เพราะตัวคูณและพหุคูณคิดได้ง่าย เช่น 12 เท่ากับ 3 X 2 X 2 หรือ 360 เท่ากับ 20 X 3 X3 X2



นอกจากนี้เว็บไซต์คุณครูดอทคอมให้ข้อมูลว่า โหล เป็นคำที่คนไทยนำมาเรียกใช้ต่อจากคนจีน ซึ่งออกเสียงเพี้ยนมาจากคำว่า Dozen นั่นแหละ โดยคนจีนมักจะออกเสียง ด (ด.เด็ก) ไม่ชัด และเพี้ยนเป็นเสียง ล.ลิง นอกจากนี้การออกเสียงคำว่า Dozen ในสำเนียงอังกฤษต้องออกเสียงหนักที่พยางค์แรก แต่เมื่อคนจีนออกเสียงคำนี้ จึงเพี้ยนพยางค์แรกของคำตามสำเนียงจีน และตัดพยางค์หลังที่ออกเสียงยากทิ้ง คำว่า Dozen จึงเหลือเพียงคำว่าโหล และเมื่อคนไทยได้ยินก็รับมาใช้อีกทอด แต่ยังคงความหมายเดิม คือ 12 ตามต้นคำในภาษาอังกฤษ


ย้อนกลับไปหาที่มาคำว่า dozen ถือกำเนิดจากชาวสุเมเรียนในเมโสโปเตเมีย ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นชนชาติแรกที่สร้างสัญลักษณ์การนับตัวเลขในชีวิตประจำวันด้วยการเปล่งเสียงเรียก ต่อมาในช่วง 3,100 ปี ก่อนคริสตกาล ชาวสุเมเรียนเขียนจำนวนตัวเลขเป็นรูปลิ่ม และสร้างระบบจำนวนขึ้นมา จากฐาน 60 ซึ่งง่ายต่อการหารด้วยจำนวนต่างๆ แบ่งเป็นแฟ็กเตอร์ (ส่วนที่คูณกันขึ้นเป็นจำนวน) ได้แก่ 2, 3, 4, 5, 6, 10, 12, 15, 20, และ 30


คำว่า dozen มีความหมายมาจาก "5 ส่วนของ 60" (12 คูณ 5 เท่ากับ 60) ภาษาละตินหมายถึง 12 ขณะที่ชาวโรมันถือว่าเลข 12 เป็นเลขศักดิ์สิทธิ์ จึงนำมาสร้างระบบการนับปี แบ่งให้มี 12 เดือน ส่วนพ่อค้าแม่ขายในในสมัยโบราณก็นิยมใช้ 12 ขายของ เพราะสะดวกและแยกส่วนได้ง่ายกว่าเลข 10 และใช้เรื่อยมาจนทุกวันนี้
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าว่า ในช่วงยุคกลางของอังกฤษ พ่อค้าขนมปังจะต้องถูกลงโทษหนัก หากตัดขายขนมปังในน้ำหนักที่ต่ำกว่าความเป็นจริง ขณะที่พ่อค้าขนมปังในยุคนั้นก็ไม่ได้มีความรู้นับจำนวนอะไร กลัวจะพลาดระหว่าง 11 ก้อนกับ 12 ก้อน จึงหันไปใช้วิธีกันเหนียว คือตัดขนมปัง 13 ก้อนเวลาที่จะขายขนมปังหนึ่งโหล กรณีนี้หนึ่งโหลเลยมี 13 ชิ้น ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก

 
เครดิต : ที่นี่ดอทคอม
Wiki Dozen : http://en.wikipedia.org/wiki/Dozen
Thai numerals : http://en.wikipedia.org/wiki/Thai_numerals 
ที่มา : ห้องสมุดวิทยพัฒน์
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

วันพุธที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"เมพขริงๆ" คือ?? จากการพิมพ์ "เทพจริงๆ" แต่ ท. กับ ม. อยู่ใกล้กัน จ ชิดกับ ข. ทำให้เกิดคำว่า "เมพขริงๆ" จากทอล์กโชว์ของ เทพ โพธิ์งาม :-)

เทพ โพธิ์งาม ชีวิตที่เมพขริงๆ ของชายชื่อเทพ


เริ่มต้นด้วยการพูดถึงศัพท์วัยรุ่น "เมพขริงๆ" อันเป็นที่ฮิตติดตลาดในขณะนี้ (แม้จะโดนคำว่า "สุโค่ย" ซึ่งมีความหมายเดียวกันแซงทางโค้งมานิดหน่อย) ซึ่งความหมายของคำนี้ก็คือ สุดยอดระดับเทพ !


อันที่จริง ศัพท์คำนี้มาจาก "ความบังเอิญ" ในการพิมพ์คำว่า "เทพจริงๆ" แต่บังเอิญ ท.ทหารกับ ม.ม้า ดันมาคึกคักใกล้กันบนคีย์บอร์ด จ.จาน ดันมาแนบชิดกับ ข.ไข่ แล้วทำให้คำว่า "เมพขริงๆ" ประสบความสำเร็จเป็นภาษาไทยพันธุ์ใหม่ในโลกไซเบอร์

แต่สำหรับตลกอาวุโสที่ชื่อว่า เทพ โพธิ์งาม หรือป๋าเทพแล้ว แม้ว่าความสำเร็จในชีวิตของป๋า ทั้งธุรกิจส่วนตัวและงานบันเทิงจะขึ้น ๆ ลง ๆ ตาม "ความบังเอิญ" (หรือบางทีก็เกิดจาก "ความไม่บังเอิญ") เราก็ต้องยอมรับว่า ป๋าได้ยืนหยัดต่อสู้กับเรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้อย่างภาคภูมิ ตั้งแต่เกิดมาเป็น เด็กชายสุเทพ โพธิ์งาม ผู้เกิดที่ปราจีนบุรี แล้วไปโตที่นราธิวาส มาอยู่กับคณะตลกซุปเปอร์โจ๊ก กับ เด๋อ ดอกสะเดา และ เด่น ดอกประดู่ จนมีชื่อเสียงในผลงานภาพยนตร์ "เทพบุตรต๊ะติ๊งโหน่ง" (2520) อันเป็นก้าวแรกในวงการบันเทิง แล้วก็มีผลงานในวงการบันเทิงเรื่อยมา ทั้งงานละครเวที ภาพยนตร์ พิธีกร งานเพลง และเร็ว ๆ นี้ป๋าจะมีการแสดงสด "โชว์ป๋า พูดจา ภาษาเทพ" จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคมนี้ ณ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี ให้เราได้ชมกัน

อ่านต่อ http://www.prachachat.net/view_news.php?newsid=02dlf05121052§ionid=0225&day=2009-10-12
 
นสพ.ประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 33 ฉบับที่ 4148
คอลัมน์ EXCLUSIVE INTERVIEW

โดย ณัฐกร เวียงอินทร์

วันจันทร์ที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"อีหรอบ" คือใคร?? หมายถึง กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ใช้ในเชิงลบ มาจากคำว่า EUROPE(ยุโรป) คนไทยออกเสียงไม่ชัดเพี้ยนเสียงมา (ราชบัณฑิต)

อีหรอบ


"แผนที่ทวีปยุโรป"


อีหรอบ ในปัจจุบันยังใช้อยู่ในสำนวนบางสำนวน เช่น เข้าอีหรอบเดิม. ลงอีหรอบเดิม. มาอีหรอบเดียวกัน.


คำว่า อีหรอบ เป็นคำที่คนไทยแต่ก่อนออกเสียงคำว่า ยุโรป (Europe) ใช้หมายถึงประเทศทางตะวันตกหรือทวีปยุโรป เช่น ดินอีหรอบ หมายถึงดินปืนที่ได้มาจากยุโรป. ต่อมาความหมายของคำว่า อีหรอบ เปลี่ยนไป หมายความว่า แบบ แนว ทำนอง หรือ ลักษณะ


เข้าอีหรอบเดิม หรือ ลงอีหรอบเดิม หมายความว่า กลับเป็นลักษณะเดิม เป็นแบบเดิม หรือเป็นแนวเดิม เช่น เจิดจันทร์ทำตัวเป็นคนดีอยู่ได้ไม่นานหรอกแล้วก็คงเข้าอีหรอบเดิมอีก.


อีหรอบเดียวกัน หมายความว่า ลักษณะเดียวกัน แบบเดียวกัน ทำนองเดียวกัน เช่น เธอสองคนนี่มาอีหรอบเดียวกันเลย อยากจะได้อะไรก็หาวิธีการต่าง ๆ มาเกลี้ยกล่อมให้ฉันคล้อยตามจนได้.


ที่มา : บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๑ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.
และ ราชบัณฑิตยสถาน
รูปภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต

"เปิ๊ดสะก๊าด" คำจากEngซึ่งไม่ไช่Postcard แต่เป็นFirstClass เหตุคนไทยสมัยก่อนฟังสำเนียงEngไม่ชัด พูดตามไม่ได้ เพี้ยนคำให้สะดวกพูด (ราชบัณฑิต)

เปิ๊ดสะก๊าด

"เปิ๊ดสะก๊าด ไม่ไช่ โปสการ์ด"



เปิ๊ดสะก๊าด เป็นคำที่รับมาจากภาษาอังกฤษว่า first class แต่เนื่องจากฟังภาษาอังกฤษไม่ชัดรวมทั้งไม่สามารถออกเสียงพยัญชนะสะกดในภาษาอังกฤษได้ จึงได้เพี้ยนเสียงไปเป็นคำว่า เปิ๊ดสะก๊าด นอกจากจะออกเสียงเพี้ยนไปแล้ว ความหมายก็เปลี่ยนไปด้วย คำว่า first class ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ชั้นที่ ๑ เมื่อนำมาใช้ขยายนามใด จึงหมายความว่า เป็นชั้นที่ ๑ คือชนิดดีที่สุด แต่คำว่า เปิ๊ดสะก๊าด ในภาษาไทย ใช้หมายถึง หรูหรา ส่วนใหญ่ใช้กับการแต่งตัวที่หรูหรา ทันสมัยมาก เช่น แต่งตัวเสียเปิ๊ดสะก๊าด จะไปเที่ยวที่ไหนหรือจ๊ะ



ที่มา : บทวิทยุรายการ "รู้ รัก ภาษาไทย" ออกอากาศทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๐ เวลา ๗.๐๐-๗.๓๐ น.

ราชบัณฑิตยสถาน
 
รูปภาพประกอบ จากอินเตอร์เน็ต

หุ่นยนต์ แอนดรอยด์ และ ไซบอร์ก .... ต่างกันอย่างไร?

Robot - หุ่นยนต์ รูปแบบไหนก็แล้วแต่ที่ไม่ใข่รูปร่างมนุษย์


ไซบอร์ก (Cyborg)
คือ ครึ่งมนุษย์ครึ่งหุ่นยนต์ หรือมนุษย์ (หรือตัวอะไรก็ได้ที่มีความคิดคล้ายมนุษย์น่ะ) ที่มีการดัดแปลงโดยการใส่ส่วนประกอบของเครื่องจักรเข้าไป แต่มีความคิดเป็นของตัวเอง เป็นความคิดจากสมอง
เช่น นายพลเกรย์เวียส (Starwars Episode III), ดาร์ธ เวเดอร์ (Starwars Trilogy)


แอนดรอยด์ (Android)
คือ หุ่นยนต์ที่มีลักษณะภายนอกคล้ายมนุษย์ อาจเรียกอีกอย่างว่า ดรอยด์ (Droid) คือมีหัว มีแขน มีขาแบบเราๆนี่แหละครับ
เช่น ซันนี่ (I, Robot), Battle Droids (Starwars Episode I-III), Super Battle Droids (Starwars Episode II-III)


อ่านต่อ และ ที่มา
คอไซ-ไฟ ตอบหน่อย (กูเกิลกูรู) http://bit.ly/9C6WUY
Robot v. Android v. Cyborg https://honors.rit.edu/amitraywiki/index.php/Robot_v._Android_v._Cyborg
Robots, Androids, and Cyborgs  http://thefactbox.blogspot.com/2007/04/robots-androids-and-cyborgs.html

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

"ขึ้นคาน" อดีตใช้เรือสัญจร พอซ่อมต้องขึ้นบก วางไว้บนคาน ตอนนั้นเรือทำอะไรไม่ได้เลย Now คือ ญเก่ง ปิดทองที่คาน ไม่แคร์สื่อ

ที่มาของคำว่า ขึ้นคาน

"ขึ้นคาน" เป็นสำนวน หมายความถึงหญิงที่มีอายุเลยวัยสาวแล้วแต่ยังไม่ได้แต่งงาน เป็นคำที่มีนัยตำหนิ เพราะแต่โบราณมานิยมให้ผู้หญิงแต่งงานเพื่อให้มีผู้ดูแลและป้องกันภัย ไม่โดดเดี่ยว




ครั้งอดีต วิถีไทยใกล้ชิดแม่น้ำลำคลอง บ้านเรือนส่วนใหญ่หันหน้าหาสายน้ำมีเรือเป็นพาหนะสำคัญพาสัญจรไปมา ครั้นเมื่อใช้นานเข้าเรือมีอันเกิดชำรุดเสียหายต้องซ่อม ยามจะซ่อมต้องยกขึ้นมาบนบกซึ่งทำที่รับเรือรอไว้แล้ว ที่รับเรือนั้นเรียกว่า "คาน"


อาศัยอรรถาธิบายจากขุนวิจิตรมาตรา ปราชญ์ภาษาไทย ท่านว่า สำนวน "ขึ้นคาน" มาจากเรียกเรือที่ยกขึ้นพาดไว้บนคานเพื่อซ่อมรอยรั่ว ยาชัน ทาน้ำมันใหม่ ในตอนนั้นเรือใช้ประโยชน์ไม่ได้ ค้างเติ่งอยู่บนคาน เรียกว่าขึ้นคาน


ต่อมาจึงนำคำว่า ขึ้นคาน เป็นสำนวนเรียกสตรีผู้ถึงวัยมีลูกมีผัวแล้วแต่ยังเล่นเนื้อเล่นตัว ไม่ยอมตกร่องปล่องชิ้นมีคู่เสียที จึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับเรือ


ถ้าเรือรั่วหรือชำรุดเสียหาย เจ้าของนำขึ้นมาซ่อมบนบก ก็ต้องทำคานสำหรับรองเรือไว้ เรือที่ขึ้นคานจึงอยู่ห่างน้ำ เมื่อเรือห่างน้ำก็เหมือนเสือห่างป่าจะมีคุณค่าอันใดคนไทยแต่โบราณ จึงนำเอาคำว่าขึ้นคานมานิยามหญิงที่ยังไม่แต่งงานจนล่วงเลยวัยสาวไปแล้ว



ที่มา http://gotoknow.org/blog/789/130548
ราชบัณฑิตยสถาน
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

กฤตศิลป์ เป็นศัพท์บัญญัติของคำว่า clip art (ราชบัณฑิตยสถาน)

กฤตศิลป์  clip art



ความหมาย

หมายถึง ภาพที่ได้รับอนุญาตให้ตัดหรือคัดลอกมาใช้ได้ด้วยวิธีการทางคอมพิวเตอร์ (เช่น ใช้คำสั่ง cut หรือ copy) มีการนำมาเก็บรวบรวมไว้เพื่อใช้ในงานพิมพ์ตั้งโต๊ะ(desktop publishing) หรืองานพิมพ์ต่าง ๆ ในชุดโปรแกรมสำเร็จที่ชื่อ Microsoft Office จะมี Microsoft clip gallery รวบรวมภาพไว้ให้เลือกมากมาย เพื่อให้คัดลอกไปใช้ในงานพิมพ์ได้ตามที่ต้องการ

ที่มา สนุก! http://bit.ly/anMrOR  ,
ราชบัณฑิตยสถาน
รูป : อินเตอร์เน็ต

ที่มา ของการเริ่มใช้คำว่า "สวัสดี" ในการทักทายแบบไทย


ความหมาย ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน 2525 สวัสดี หมายถึงความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง คำทักทายหรือพูดขึ้นเมื่อพบหรือจากกัน




สวัสดี ในส่วนที่นำมาใช้เป็นคำทักทายนั้น พระยาอุปกิตศิลปสาร (นิ่ม กาญจนาชีวะ) ได้เล่าถึงต้นเหตุเดิมไว้ว่าเจ้าหน้าที่วิทยุกระจายเสียงได้ใช้คำ "ราตรีสวัสดิ์" ลงท้ายคำพูดเมื่อจบการกระจายเสียงตอนกลางคืนโดยอนุโลมตามคำว่ากู๊ดไนต์ (Goodnight) ของอังกฤษ แต่มีผู้ไม่เห็นด้วย ทางสถานีวิทยุกระจายเสียง จึงขอให้กรรมการชำระปทานุกรมของกระทรวงธรรมการในสมัยนั้นช่วยคิดหาคำให้ ตกลงได้คำว่า"สวัสดี" ไปใช้และเมื่อ พ.ศ. 2476 พระยาอุปกิตศิลปสาร ได้นำไปเผยแพร่ให้นิสิตในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใช้เป็นคำทักทายเมื่อพบกัน จึงได้แพร่หลายใช้กันต่อมา



ครั้นต่อมาในยุคบำรุงวัฒนธรรมเพื่อส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของชาติ รัฐบาลในสมัยนั้นก็เห็นชอบกับการใช้คำว่า "สวัสดี" ในโอกาสแรกที่ได้พบกัน ได้มอบให้กรมโฆษณาการ (กรมประชาสัมพันธ์ในปัจจุบัน) ออกข่าวประกาศเมื่อวันที่ 22 มกราคม 2486 ดังต่อไปนี้ (ตัวสะกดและการันต์ในสมัยนั้น)



"ด้วยพนะท่านนายกรัถมนตรีได้พิจารนาเห็นว่าเพื่อเปนการส่งเสริมเกียรติแก่ตนและแก่ชาติ ให้สมกับที่เราได้รับความยกย่องว่าคนไทยเปนอารยะชน คำพูดจึงเปนสิ่งหนึ่งที่สแดงภูมิของจิตใจว่าสูงต่ำเพียงใด ฉะนั้นจึงมีคำสั่งให้กำชับบันดาข้าราชการทุกคนกล่าวคำ "สวัสดี"ต่อกันไนโอกาสที่พบกันครั้งแรกของวันเพื่อเป็นการผูกไมตรีต่อกัน และฝึกนิสัยไห้กล่าวแต่คำที่เปนมงคล ว่าอะไรว่าตามกัน กับขอไห้ข้าราชการช่วยแนะนำแก่ผู้ที่อยู่ไนครอบครัวของตนไห้รู้จักกล่าวคำ "สวัสดี" เช่นเดียวกันด้วย "



นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า ทางราชการในสมัยนั้นได้กำหนดให้ใช้คำว่า สวัสดี ไว้แล้วตั้งแต่พ.ศ. ๒๔๘๖



แต่ปัจจุบันนี้เยาวชนไทยเมื่อพบกันแทนที่จะใช้คำว่า "สวัสดี" กลับนำเอาคำผรุสวาทมาใช้แทน ซึ่งล้วนแต่ไม่เป็นมงคลแก่ตนเองทั้งสิ้น นับเป็นความเสื่อมทางวัฒนธรรมด้านภาษาและจิตใจอย่างมากที่สุด




ในปัจจุบันนี้มีชาวต่างประเทศมาเที่ยวเมืองไทยจำนวนมาก ได้พยายามยกมือไหว้และกล่าวคำว่า "สวัสดี-Sawasdee " เพราะเข้าใจวัฒนธรรมของไทยดีขึ้น นับเป็นการส่งเสริมวัฒนธรรมไทยได้ประการหนึ่ง คำว่า สวัสดี ได้แพร่หลายออกไปอย่างกว้างขวาง จนกลายเป็นคำของ "ชาตินิยม" เป็นวัฒนธรรม อันหยั่งรากฝังลึกลงในจิตใจของชาวไทยทั้งประเทศ อากัปกิริยาของการ "สวัสดี" ผนวกกับ ความมีน้ำใจไมตรีของคนไทย และรอยยิ้มแห่งมิตรภาพ ทำให้คำว่า "สวัสดี" เป็นคำที่มีความหมายมากมายนัก คนไทยควรจะมาร่วมกันดำรงความเป็น "ไทย"ด้วยรอยยิ้มแจ่มใสและคำทักทาย "สวัสดีค่ะ " "สวัสดีครับ "





ที่มา : กระทรวงวัฒนธรรม พ.ศ. 2551
วิกิฯ สวัสดี : http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B5
ข้อมูล : กระทรวงวัฒนธรรม, ราชบัณฑิตยสถาน