"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--

ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)



วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ลูกสาวของไอน์สไตน์ และ เข็มทิศกับไวโอลินของไอน์สไตน์

ลูกสาวของไอน์สไตน์


เมื่อแต่งงานแล้ว มิเลวาก็เสียสละเป้าหมายทางอาชีพของเธอ เธอเลิกเรียน และหันมาเป็นเพียงผู้ช่วยของไอน์สไตน์เท่านั้น มีคนตั้งข้อสังเกตในภายหลังว่า มิเลวานั้น อยู่ในชีวิตของไอน์สไตน์ในช่วงชีวิตที่เขาประสบความสำเร็จสูงสุด จึงเป็นไปได้ว่า มิเลวาน่าจะมีส่วนในงานของไอน์สไตน์ด้วย ความรักผลักดันให้เกิดลูกสาวคนแรกก่อนการแต่งงานในปี 1902 ลูกสาวคนนี้ชื่อลีสเซอร์ล เป็นลูกสาวที่ไอน์สไตน์ไม่เคยปริปากถึง เพราะเป็นลูกที่เกิดก่อนสมรส ไม่นานนัก ลีสเซอร์ลก็หายไปจากชีวิตของไอน์สไตน์อย่างลึกลับ ไม่มีใครรู้ความจริงเรื่องนี้ ว่ากันว่า วันหนึ่งเมื่อครอบครัวออกไปปิกนิกกัน ลีสเซอร์ลก็เดินหายไปดื้อๆ บางกระแสบอกว่า มิเลวายกลีสเซอร์ลให้คนอื่นเลี้ยง และเธอเสียชีวิตตั้งแต่ยังเด็ก เรื่องนี้ก่อให้เกิดบาดแผลในชีวิตของทั้งไอน์สไตน์และมิเลวาขึ้น จนทำให้ชีวิตแต่งงานของทั้งคู่ไม่ราบรื่น


(อ้างอิง http://www.oknation.net/blog/bill125/2008/10/24/entry-1 )




เข็มทิศกับไวโอลินของไอน์สไตน์



ในช่วงท้ายของชีวิต ไอน์สไตน์ชอบเดินท่อมๆ แถวมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน ที่ซึ่งเขาเป็นอาจารย์ประจำ ทักทายเด็กและเล่นกับทารก ปล่อยตัวตามสบาย เส้นผมสีขาวโพลน สวมเสื้อนอกลุ่ยรุ่มร่าม และไม่สวมถุงเท้า 'เปลือก' ของเขาดูไม่เหมือนนักวิทยาศาสตร์ปราดเปรื่องผู้ที่ประชากรกว่าครึ่งโลกรู้จัก

บ่ายวันหนึ่งขณะที่เดินอยู่แถว สถาบันเพื่อการศึกษาชั้นสูง ในพรินซ์ตัน ไอน์สไตน์ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ เขาเดินไปตามต้นเสียงจนพบเด็กหญิงคนหนึ่ง จำได้ว่าเป็นลูกสาวของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในคณะ เมื่อถามเด็กหญิงว่าร้องไห้ทำไม เธอตอบว่าเธอตามวิชาเลขคณิตที่ครูสอนไม่ทัน เพราะเต็มไปด้วยกฎมากมาย

ไอน์สไตน์บอกว่า เขาเองก็มีปัญหากับตัวเลขเช่นกัน แต่บางทีหากพวกเขาทั้งสองนั่งลงแก้ปัญหาด้วย สถานการณ์อาจจะดีขึ้นก็ได้




บ่ายนั้นไอน์สไตน์นั่งขบคิดวิชาเลขคณิตกับเด็กหญิงคนนั้นด้วยความทรมานพอควร แม้จะเป็นนักฟิสิกส์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลข้ามจักรวาล แต่เขาไม่จัดว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญทางการคำนวณ และต้องพึ่่งนักคณิตศาสตร์ช่วยในสมการของเขา อย่างไรก็ตามบ่ายวันนั้นเขาก็สามารถทำให้เด็กหญิงเรียนรู้จนได้


ช่วงเวลานั้น ไอน์สไตน์เป็นคนที่มีชื่อเสียงก้องโลกแล้ว สถานภาพของเขาอยู่ในขั้น 'ดารา' แน่นอนจดหมายหลั่งไหลถึงเขา ส่วนใหญ่มาจากเด็กๆ ทั่วโลก ถามคำถามทุกประเภท บางคนส่งรูปภาพที่วาด ภาพถ่าย ของขวัญชิ้นเล็ก ที่น่าประหลาดใจสำหรับคนส่วนมากก็คือ ไอน์สไตน์มักตอบจดหมายเหล่านั้น

เด็กชาวแอฟริกาใต้คนหนึ่งเขียนไปขอลายเซ็นไอน์สไตน์ ข้อความในจดหมายบอกว่า ปกติไม่ใช่คนที่ชอบขอลายเซ็นของใคร แต่กรณีของไอน์สไตน์เป็นข้อยกเว้น ส่วนเหตุที่เพิ่งมาขอลายเซ็นเพราะเพิ่งรู้ว่าไอน์สไตน์ยังไม่ตาย ตนคิดว่าไอน์สไตน์เป็นคนรุ่นเดียวกับ เซอร์ ไอแซค นิวตัน ในศตวรรษที่ 17 ไอน์สไตน์ตอบจดหมายฉบับนั้นกลับไปว่า ขอโทษด้วยนะที่ยังไม่ตาย

เด็กชาวแคนาดาคนหนึ่งเขียนถึงไอน์สไตน์ว่า "คุณมีตัวตนจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นเพียงตัวละครในการ์ตูน?"

ไอน์สไตน์ชมชอบจดหมายเหล่านี้มาก เก็บรักษาเอาไว้ไม่น้อย ดูเหมือนว่าวัยมิได้ลดทอนความเป็นเด็กของเขาลงเลย

ไอน์สไตน์เป็นตัวอย่างของน้ำนิ่งไหลลึก สูงสุดคืนสู่สามัญ เป็นคนคนหนึ่งที่บังเอิญปราดเปรื่องและมีชื่อเสียง

ความจริงความปราดเปรื่องของเขาอยู่ที่การเข้าใจเลือกวิถีชีวิตแห่งความสุขสงบ เลือกการเรียนรู้ไม่ใช่การเล่าเรียน เลือกสันติไม่ใช่สงคราม และคุณลักษณะที่สำคัญที่สุดคือ ความถ่อมตัวที่มีอยู่อย่างล้นเหลือ ความไม่เสแสร้ง และอารมณ์ขัน

ยากมากๆ ที่ใครคนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งชื่อเสียงและการยอมรับขนาดนี้จะไม่เหลิง ยิ่งยากนักในการปฏิเสธสิ่งที่เรียกว่า อำนาจ เมื่อรัฐอิสราเอลถือกำเนิด ไอน์สไตน์ปฏิเสธที่จะเป็นใหญ่ทางการเมือง และใช้ชีวิตเรียบง่ายในชุมชนเล็กๆ ห่างไกลจากบ้านเกิด



โลกเราล้วนเต็มไปด้วยตัวอย่างนักการเมืองที่ถูกอำนาจกลืนกิน หลายคนเปลี่ยนจากคนอ่อนน้อมถ่อมตนเป็นคนที่บ้าอำนาจ เชื่อมั่นในตนเองสูงจนไม่รับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น จำนวนอีกไม่น้อยสลักใบหน้าตัวเองลงบนหินผา และสร้างอนุสาวรีย์ให้ผู้อื่นบูชาตน ทว่าเพียงลงจากอำนาจไม่ถึงวัน อนุสาวรีย์แห่งความป้อยอก็ล้มครืน เลนิน สตาลิน เชาเชสคู มาร์กอส ซัดดัม ฮุสเซ็น ฯลฯ คือตัวอย่าง



เมื่อนิตยสารไทม์เลือกบุคคลแห่งศตวรรษ (Person of the Century คือบุคคลที่ส่งผลกระทบต่อโลกมากที่สุดในศตวรรษ) พวกเขามีรายชื่อของบุคคลในศตวรรษที่ 20 จำนวนมากมาย ทั้งคนที่สร้างสรรค์และทำลาย เช่น เลนิน ผู้เปลี่ยนแปลงโลกสู่สังคมนิยมคอมมิวนิสต์ ฮิตเลอร์ผู้นำโลกสู่ความหายนะ เชอร์ชิลล์ ผู้หาญสู้อำนาจฟาสซิสท์ของฮิตเลอร์ ประธานาธิบดี แฟรงกลิน รูสเวลท์ ผู้นำพาอเมริกาผ่านวิกฤติ 'ต้มยำกุ้ง' ฉบับอเมริกันและสงครามโลกครั้งที่สอง

รายชื่อนี้ยังรวมผู้ที่เลือกต่อสู้ตามวิถีที่ไม่รุนแรง มหาตมะ คานธี ผู้นำพาผู้คนทั้งชาติต่อต้านจักรวรรดิอังกฤษด้วยหลักอหิงสา มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้ต่อสู้เพื่อทำลายกำแพงสีผิว โรซา พาร์กส์ ผู้ปฏิเสธที่นั่งบนรถเมล์ให้คนขาว ไปจนถึงประชาชนผู้หาญต้านรถถังที่จตุรัสเทียนอานเหมิน

รายชื่อในกลุ่มนักวิทยาศาสตร์ในศตวรรษที่ 20 เช่น อเล็กซานเดอร์ เฟลมิง ผู้พบเพนนิซิลลิน เจมส์ วัตสัน กับ ฟรานซิส คริก ผู้พบรหัสชีวิตดีเอนเอ ส่วนนักประดิษฐ์ที่เปลี่ยนแปลงโลก เช่น พี่น้องตระกูลไรท์ผู้นำโลกไปบนท้องฟ้า อลัน เทอริง ผู้กำเนิดคอมพิวเตอร์ ไปจนถึงนักวิทยาศาสตร์สมองปราดเปรื่องอย่าง ไอน์สไตน์, นีล บอหร์, เอนริโค เฟอร์มี, ริชาร์ด ฟีนแมน, สตีเฟน ฮอว์คิง ฯลฯ



แต่ทำไมไทม์เลือกไอน์สไตน์?

สไตน์นั้นรวมเอาคุณสมบัติของผู้สร้างสรรค์ นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ นักต่อสู้แบบอหิงสาทั้งหมดเข้าด้วยกัน!

ไอน์สไตน์เกลียดสงคราม เป็นผู้ที่ใช้จินตนาการรวมเข้ากับวิทยาศาสตร์อย่างสวยงาม นำไปสู่การค้นหาความจริงในมุมมองของจักรวาล ซึ่งย้อนกลับมาทำให้เราเข้าใจวิถีของสิ่งมีชีวิต



ไอน์สไตน์ตั้งคำถามเสมอว่า อะไรคือความหมายของชีวิตมนุษย์ หรือของอินทรีย์ชีวิตทั้งหลาย จะว่าไปแล้ว การเดินทางไปสู่ความจริงของเขาโดยใช้วิทยาศาสตร์เป็นเครื่องมือ ก็ไม่ต่างจากการแสวงหาทางหลุดพ้นของนักบวชโดยใช้ศาสนา

ไอน์สไตน์ล้มป่วยเมื่ออายุสี่ขวบ พ่อให้เข็มทิศแม่เหล็กตัวหนึ่งแก่เขา เด็กน้อยหมกมุ่นกับเข็มทิศนั้นด้วยความพิศวง เพราะไม่ว่าหมุนไปทางไหน เข็มก็ชี้ไปในทางเดียวกันเสมอราวกับมีอำนาจลึกลับบางอย่างกำหนดทิศทางของมัน เขารู้สึกแปลกใจ เข็มทิศทำให้เขาคิดว่ามีบางสิ่งที่ซ่อนเร้นลึกอยู่ที่อยู่เบื้องหลัง เขาเริ่มสัมผัสธรรมชาติในมุมมองของวิทยาศาสตร์


เข็มทิศตัวนั้นมิเพียงชี้ทิศบนโลกใบนี้ หากยังชี้ทางใหม่ให้ชีวิตของเขา ทางสายวิทยาศาสตร์ แต่วิทยาศาสตร์โดยตัวมันเองเป็นเพียงกระบวนการ ไม่ใช่จิตวิญญาณความเป็นมนุษย์ จุดหักเหอาจจะเกิดจากการที่แม่ของไอน์สไตน์แนะนำให้เขารู้จักดนตรี

เข็มทิศชี้ทางไปสู่การค้นหาความจริง เสียงไวโอลินเชื้อเชิญให้เขาเปิดหัวใจ

นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ตลอดชีวิตไอน์สไตน์พกพาไวโอลินไปตามที่ต่างๆ และเป็นนักเล่นไวโอลินที่ดี


จินตนาการ วิทยาศาสตร์ กับความเป็นมนุษย์เป็นส่วนประกอบที่ลงตัวในการสร้างบุคคลเช่นไอน์สไตน์

การศึกษาหาความลับของจักรวาลผ่านทฤษฎีทั้งหลายของเขา ทำให้เขาซาบซึ้งถึงความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติและความกระจ้อยร่อยกระจิริดของมนุษย์ จักรวาลวิทยาทำให้พบเห็นว่ามนุษย์เรานั้นเป็นเพียงการประกอบรวมกันของธาตุ เราเป็นเพียงธุลีหนึ่งในจักรวาล ไอน์สไตน์บอกว่า ยิ่งเรียนรู้ความลับของธรรมชาติจากเรื่องอะตอม แรงลึกลับทั้งหลาย ยิ่งทำให้มนุษย์เราต้องถ่อมตนและสันโดษ




สรรพสิ่ง 'สัมพัทธ์' กันไปหมด

ไอน์สไตน์เขียนในปี ค.ศ. 1931 ว่า "ผมเตือนตัวเองนับร้อยครั้งต่อวันว่า ชีวิตของผมทั้งภายในและเปลือกนอกล้วนมีฐานบนแรงงานของผู้อื่น ทั้งที่ยังมีชีวิตและที่ตายไปแล้ว ผมต้องใช้ความสามารถทุกอย่างของตนเพื่อที่จะให้ในระดับเดียวกับที่ผมได้รับและกำลังรับอยู่"

ไอน์สไตน์พร่ำพูดให้เห็นคุณค่าของมนุษย์ คุณค่าของเสรีภาพ ความไม่รุนแรง อันตรายของลัทธิทหาร และความคลั่งชาติ   8 ปีต่อมาโลกก็เข้าสู่สงครามที่ทำลายชีวิตมนุษย์หลายสิบล้านคน



แม้ไอน์สไตน์จะเป็นผู้ชื่นชมวิถีอหิงสาแห่งคานธี และเช่นเดียวกับคานธี เขาเป็นนักมนุษย์นิยม นักต่อต้านสงคราม แต่เมื่อถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ เขาก็แนะนำให้ประธานาธิบดีรูสเวลท์ระเบิดปรมาณู เมื่อข่าวการทำลายล้างฮิโรชิมามาถึงเขา ไอน์สไตน์กุมศีรษะเศร้าใจในบทบาทของตน ความเชื่อมั่นในความเป็นมนุษย์ถูกสั่นคลอน เรื่องนี้สร้างความเศร้าใจแก่เขาตลอดชีวิต ยิ่งแก่ตัวลงเขาก็ยิ่งปล่อยวางมากขึ้น ใช้ชีวิตเรียบง่ายไม่ต่างจากนักบวช คือไม่ได้สนใจในชื่อเสียงเงินตรา



ไอน์สไตน์เขียนในปี ค.ศ. 1934 ว่า "คุณค่าที่แท้จริงของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าคนถูกกำหนดเบื้องแรกจากมาตรการและสำนึกในการปลดปล่อยตัวเอง การปลดปล่อยนี้ไม่ใช่เฉพาะอิสรภาพจากความหลงตัวเอง แต่จากเปลือกความเชื่อทางของศาสนาที่ห้ามโต้แย้ง"

มนุษย์เราทุกคนต้องการทั้งความรู้และความรักต้องการทั้งเข็มทิศกับไวโอลิน

ความรู้คือประตูเปิดโลก    ความรักคือหน้าต่างเปิดหัวใจ



"พิพิทธภัณฑ์บ้านไอน์สไตน์"




 
ที่มา : กูเกิลกูรู (จากคำถาม ไอน์สไตน์มีลูกสาวคนนึง ที่หายสาปสูญไป เธอชื่ออะไร โดย คิตตี้)
ข้อมูลเพิ่มเติม : http://www.icphysics.com/forums/viewtopic.php?f=15&t=262
ชีวิตพิศวง ของไอน์สไตล์ wonder einstein  http://www.watnai.org/einstein/wonder%20einstein_st.html
6 สุดยอด "สมการที่น่านับถือ" ทางฟิสิกส์ http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9470000065786
ตามรอยไอน์สไตน์ที่เบอร์น  http://www.vcharkarn.com/varticle/283
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น: