กระจกส่องหลัง
เรื่องมีอยู่ว่า ในการแข่งรถ "อินดี้ 500" (indy 500) เมื่อปี ค.ศ.1911 มีรถเข้าลงทะเบียนแข่งขัน 40 คัน ปกติแล้ว การแข่งขันจะต้องมีผู้อยู่ในรถ 2 คน
คือ คนขับ และช่างเครื่อง ซึ่งทำหน้าที่คอยดูข้างหลังช่วยคนขับด้วย แต่นายรอย ฮาร์โรน (Roy Harroun) ลงทะเบียนเข้าแข่งเพียงผู้เดียว จึงถูกผู้ร่วมแข่งขันคนอื่น ๆ ประท้วงด้วยเหตุผลที่ว่า ขับคนเดียวนั้นไม่ปลอดภัยต่อตนเองและผู้อื่น เพราะไม่มีใครช่วยดูข้างหลังให้
ฮาร์โรนแก้ปัญหาการประท้วงครั้งนี้ ด้วยการทำกระจกเป็นปพิเศษติดที่รถของเขา ฮาร์โรนเรียกกระจกนี้ว่า "กระจกส่องหลัง" (rear-view mirror) ซึ่งทำหน้าที่สะท้อนภาพข้างหลังให้เห็น แทนผู้ช่วยบอกทาง ในที่สุดกรรมการก็อนุญาตให้เขาลงแข่งขันได้ ผลปรากฏว่า ฮาร์โรนใช้เวลาในการขับรถแข่งเพียง 6 ชั่วโมง 42 นาที เขาคือผู้ชนะเลิศเข้าสู่เส้นชัยเป็นคนแรก
การแก้ปัญหาครั้งนี้้้้้้้้้ของเขา นำมาสู่การปรับเปลี่ยนโฉมหน้ารถครั้งยิ่งใหญ่ ทำให้มีกระจกส่องหลังมาจนทุกวันนี้
ที่มา : รอบรู้เรื่องรถยนต์อินดี้ ,หนังสือ ,พ.ศ. 2548
เว็บไซต์เผยแพร่ : วิชาการดอทคอม http://www.vcharkarn.com/varticle/40223
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--
ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น