ทำไมต้องเรียกปลาทู ทำไมต้องคอหัก??
เริ่มจาก ตะกลูปลาทู
ปลาทู จัดอยู่ในครอบครัว Scombridae สกุล Rastrelliger ซึ่งอยู่ในวงศ์เดียวกันกับปลาโอและปลาอินทรีย์ ทั้งปลาทูและปลาลังเป็นปลาที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงบริเวณกลางน้ำถึงผิวน้ำ ตั้งแต่บริเวณชายฝั่งจนถึงระดับความลึก 200 เมตร ในน่านน้ำไทย พบ 3 ชนิด คือ ปลาทูสั้น(Short mackerel,Indo-Pacific macerel;Rastrelliger brachysoma(Bleeker,1851)) เป็นชนิดที่นิยมบริโภคมากที่สุด ปลาทูลัง(Indian macerel; R.Kanagurta(Cuvier,1816)) และปลาทูปากจิ้งจก หรือปลาลังปากจิ้งจก(Island mackerel;R.faughni Matsui,1967)(กรมประมง,2548) ดูภาพแต่ละชนิดได้ที่ http://www.fisheries.go.th/marine/KnowladgeCenter/knowledge/Platoo/platoo.html
นอกจากเราจะเห็นปลาทูในเข่งแล้ว จะเห็นปลาทูจากอ่าวไทยซึ่งมีแหล่งกำเนิดมาจากไหหลำครับ
ในอดีตเชื่อว่าปลาทูที่จับได้ในอ่าวไทยมาจากเกาะไหหลำ แต่ปัจจุบันพบว่าปลาทูเกิดในอ่าวไทยเป็นปลาผิวน้ำ รวมกันเป็นฝูงบริเวณใกล้ฝั่ง พบเฉพาะบริเวณอุณหภูมิผิวน้ำไม่ต่ำกว่า 17 องศาเซลเซียส ความเค็มของน้ำไม่เกิน 32.5 % แต่ทนความเค็มต่ำได้ถึง 20.4 % จึงพบในบริเวณน้ำกร่อยได้ [2] ปลาทูวางไข่แบบไข่ลอยน้ำ ไข่ที่ได้รับการผสมจะลอยน้ำอยู่ได้ ช่วงที่วางไข่คือกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม วิกิของปลาทู ดูที่ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B9
คนในประเทศไทยบริโภคปลาทูปีละ หกหมื่นตันครับ
จากการศึกษาปริมาณการจับปลาทูจากเครื่องมือประมง อวนลอยปลาทู อวนล้อมจับ อวนลากเดี่ยวและอวนลากคู่ของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงทะเลอ่าวไทยตอนกลางโดย วิธีการสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลพบว่า ในปี 2551 เครื่องมือประมงกลุ่มอวนล้อมจับประมาณ 44,177 ตัน อวนลอยปลาทูประมาณ 23,617 ตัน อวนลากเดี่ยวประมาณ 1.44 ตัน อวนลากคู่ประมาณ 728 ตัน รวมทั้งปีมีปริมาณปลาทูถูกจับมาใช้ประโยชน์ประมาณ 68,524 ตัน และในปี 2552 เครื่องมือประมงกลุ่มอวนล้อมจับประมาณ 48,347 ตัน อวนลอยปลาทูประมาณ 14,630 ตัน อวนลากเดี่ยวประมาณ 2.75 ตัน อวนลากคู่ประมาณ 432 ตัน รวมทั้งปีมีปริมาณปลาทูถูกจับมาใช้ประโยชน์ประมาณ 63,412 ตัน อ่านเต็มๆ http://www.classifiedthai.com/content.php?news=10564
ทำไมปลาทูต้องคอหัก
1) เคยดูรายการกบนอกกะลา เค้าบอกว่า เหตุที่ต้องหักคอปลาทูก่อนนึ่งเพราะว่า ท้องปลาจะได้ไม่แตกเวลานึ่ง
2) ต้องหักคอเพื่อให้ลงเข่งได้ เหมื่อนตำนาน “ปลาทูแม่กลอง” ที่มีเอกลักษณ์ตรง “หน้างอ คอหัก” อ่านต่อ http://www.thaigoodview.com/node/8640
ปลาทู มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Scomber
ปลาทู มีชื่อในภาษาอังกฤษว่า Scomber ปลาทูเกิดและโตในอ่าวไทยมากยิ่งกว่าในทะเลแถบอื่น ปลาทูเป็นปลาขนาดกลางรูปเพรียว หัวแหลม ท้ายแหลม ตัวแบน ด้านหลังเป็นสีเขียวปนฟ้ายาวตลอดตัวส่วนด้านใต้ท้องเป็นสีขาวเงิน ปลาทูว่ายน้ำได้รวดเร็วมาก และไม่เคยหยุดนิ่งกับที่เพราะต้องคอยหนีปลาใหญ่ที่ไล่ตามจับกินอยู่เสมอ ศัตรูของปลาทูได้แก่ ปลาฉลามและปลาใหญ่อื่น ๆ ปลาทูอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ มีจำนวนหลายพันตัว หากินอยู่ใกล้ฝั่งน้ำ ใกล้ชายฝั่งในที่ซึ่งน้ำลึกไม่เกินกว่ายี่สิบฟุต กินแพลงตอนเป็นอาหาร
ในเวลากลางคืนที่ทะเลเรียบ ปราศจากคลื่นลม อากาศดี ฝูงปลาทูจะขึ้นว่ายใกล้ผิวน้ำ ถ้าเป็นคืนเดือนมืดแสงเรืองจากตัวปลาส่องแสงเป็นประกายสีขาวทำให้มองเห็นฝูง ปลาได้อย่างชัดเจน ชาวประมงอาศัยแสงเรืองจากตัวปลาทูเป็นที่หมายช่วยให้ติดตามจับปลาฝูงใหญ่ ๆ ได้ง่าย
ปลาทูวางไข่ปีละสองครั้งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคม และเดือนมิถุนายนถึงเดือนกรกฎาคม แหล่งวางไข่แหล่งใหญ่ในอ่าวไทยสองแห่ง คือ ในน่านน้ำบริเวณจังหวัดสุราษฎร์ธานี กับที่แหลมแม่รำพึง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ปลาทูวางไข่ในทะเลค่อนข้างลึก เมื่อลูกปลาทูโตขึ้นจะเริ่มว่ายเข้าหาฝั่งแถบก้นอ่าวไทยและจะโตเต็มที่ใน เวลาหกเดือน หรือ ปลาทู (Indo-Pacific mackerel ชื่อวิทยาศาสตร์: Rastrelliger neglectus) หรือ ปลาทูยาว) เป็นปลาทะเลที่มีถิ่นกำเนิดในบริเวณอ่าวไทย เป็นปลาผิวน้ำ รูปร่างป้อมแบน ตาค่อนข้างเล็ก มีเยื่อไขมันอยู่ รอบนัยน์ตา ปากกว้าง ขากรรไกรล่างยาว
ประวัติ
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้จ้างดร. สมิท ผู้เชี่ยวชาญเรื่องปลามาเป็นที่ปรึกษากรมรักษาสัตว์น้ำ เพื่อสำรวจพันธุ์ปลาต่างๆในประเทศไทย มีหลวงมัศยจิตรการ (ประสพ ตีระพันธุ์) เป็นผู้ช่วยและวาดภาพปลา ท่านผู้นี้เป็นผู้วาดภาพปลาทูภาพแรกในประเทศไทย [3] ใน พ.ศ. 2468 ไทยนำเรืออวนตังเกจากจีนมาใช้ทำให้จับปลาทูได้มาก ปลาทูที่เหลือทำเป็นปลาทูเค็มส่งไปขายต่างประเทศ เช่น อินโดนีเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง จนในภาษาอินโดนีเซียเรียกปลาทูเค็มว่า Ikan siam
พ.ศ. 2503 รัฐบาลไทยนำเครื่องมืออวนลากจากเยอรมันตะวันตกมาใช้และเมื่อมีการประกาศใช้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับแรกทำให้การประมงขยายตัวมากขึ้น จนกระทั่งจำนวนปลาทูในอ่าวไทยลดจำนวนลงในที่สุด
การบริโภค
ปลาทู นำมาเป็นอาหารไทยมีจำหน่ายในรูปแบบ ปลาทูสด และปลาทูนึ่ง ซึ่งมีลักษณะการขายเป็นใส่ภาชนะที่เรียกว่า เข่งปลาทู นิยมนำมาทอด รับประทานคู่กับน้ำพริกกะปิ หรือ ทำเป็นน้ำพริกปลาทู ส่วนปลาทูสดนิยมนำมาทำเป็นต้มยำปลาทู
เนื้อปลาทูมีสารโอเมก้า 3 ค่อนข้างมาก ในเนื้อปลาทู 100 กรัมมีสารโอเมก้า 3 ราว 2-3 กรัม ช่วยลดอัตราการตายจากโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดตีบ และยังลดโคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ รวมทั้งลดความหนืดของเลือด ลดการอักเสบ ทำให้ความข้นในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ
ปลาที่ใกล้เคียง
ปลาทูตัวสั้น หรือปลาทูสั้น (ชื่อสามัญ: Short-bodied mackerel ชื่อวิทยาศาสตร์: Rastrelliger brachysoma)ปลาลัง
(ที่่มา กรมประมง)
ที่มาเสริม http://gotoknow.org/blog/natthakorn-ed/182330
ชื่อปลาทู ไหหลำเป็นผู้เรียกมาก่อนครับ
คำว่า “ปลาทู” ตามความเชื่อและคำบอกเล่าสืบทอดกันมาว่า เป็นปลามาจากเกาะไหหลำ ในอ่าวตังเกี๋ย ประเทศเวียตนาม แต่ไม่มีข้อพิสูจน์ว่า ความเชื่อดังกล่าวจริงหรือไม่ และทำไมเชื่อเช่นนั้น แต่อย่างน้อยความเชื่อดังกล่าว ได้บอกลักษณะอย่างหนึ่งของปลาทู ซึ่งบรรพบุรุษได้ตั้งข้อสังเกตไว้ก็คือ ปลาทู เป็นสัตว์น้ำที่มีการเคลื่อนย้าย เดินทางตลอดเวลา และส่วนหนึ่งปลาทูมาอาศัยอยู่ในบริเวณปากอ่าวแม่กลอง จ.สมุทรสงคราม ในช่วงระยะเติบโตจนเป็นสาว จึงเป็นที่มาของการจัดงานเมื่อปีก่อนๆ ที่ให้ชื่องานว่าปลาทูเต็มสาว ซึ่งปลาทูเต็มสาวนั้น จะมีรสชาดที่อร่อย เนื้อแน่น หวานหอม จึงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคโดยทั่วไป
อ่านเต็มๆ http://www.rd1677.com/branch.php?id=47762
อีกตำนานหนึ่งบอกว่า ชาวประมงเขมรที่จับปลาอ่าวไทยด้วยกัน เรียกมาก่อนจึงเรียกตามๆ กันมา
ที่มา : กูเกิลกูรู
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--
ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น