"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--

ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)



วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

แบตเตอรี่คิดมาจากกบ? กัลป์วานี่ ผึ่งขากบไว้บนตะขอทองแดงที่รั้วเหล็ก แกว่งไปมาพอแตะรั้วแล้วกบกระตุก ไฟฟ้านี่!! แล้วก็มึนไม่รู้ว่าไฟฯเกิดได้ไง จากนั้น อเลสซานโดร โวลต้า ก็ค้นพบว่า ไฟฟ้านั้นเกิดจากปฏิกิริยาเคมี เมื่อโลหะสองอย่างเชื่อมโยงกันด้วยกรดเกลือ ซึ่งอยู่ในเนื้อเยื่อกบและสัตว์ต่างๆ

แบตเตอรี่มาจากกบ??


ในปี พ.ศ. 2323 ที่เมืองแสนสวย “โบโลญญา” ของประเทศอิตาลี ขณะที่ท่านศาตราจารย์ ลุยจิ กัลวานี่ (Luigi Galvani) ผู้สอนวิชากายวิภาค ขณะทำการสอนเรื่องกบ บังเอิญท่านได้ใช้ปลายปากคีมแตะขากบคู่หนึ่ง ซึ่งวางบนจานโลหะเพื่อประกอบคำบรรยาย ขากบนั้นได้กระตุกขึ้นมา ยังความประหลาดใจแก่เขา และนักศึกษาทั้งหลาย ไฉนขากบที่ตายแล้วจึงกระตุกได้ เขาทดลองซ้ำก็ยังเป็นเช่นนั้นอีก กัลป์วานี่ ได้ค้นคว้าเรื่องนี้อย่างอดทนเป็นเวลาหลายปี แล้วบันทึกสิ่งที่สังเกตเห็นได้ทั้งหมด


อยู่มาวันหนึ่ง ในปี พ.ศ. 2328 กัลป์วานี่ ผึ่งขากบไว้บนตะขอทองแดงที่รั้วเหล็ก ขณะที่มันแกว่งไกวไปมาตามสายลม เขาสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่มันแตะรั้วมันก็จะกระตุก กัลป์วานี่ เฝ้ามองดูปรากฏการณ์นี้อยู่ชั่วขณะ แล้วเกิดความคิดขึ้นมาว่า ต้องเกิดจาก “ไฟฟ้า” ไช่แล้วไฟฟ้านั่นเอง

จากเรื่องขากบ นักวิทยาศาสตร์ทั่วยุโรปพากันทดลองเรื่องนี้อย่างแพร่หลาย เพื่อจะหาคำตอบให้ได้ว่าไฟฟ้ามาจากไหน แต่ยังไม่มีใครหาคำตอบได้



แต่ที่มหาวิทยาลัยปาเวียน ประเทศอิตาลีอีกเช่นกัน อเลซซานโดร โวลต้า (Alessandro Volta) ศาสตราจารย์ทางฟิสิกส์ได้ทดลองเรื่องขากบ เช่นเดียวกับนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ในสมัยนั้น จนในที่สุดก็ทราบว่า ไฟฟ้านั้นเกิดจากปฏิกิริยาเคมี กล่าวคือ เมื่อโลหะสองอย่างเชื่อมโยงกันด้วยกรดเกลือ ซึ่งมีอยู่ในเนื้อเยื่อกบและสัตว์ต่างๆ

"อเลสซานโดร โวลตา : Alessandro Volta"


ต่อมาในปี พ.ศ. 2343 โวลต้าได้ประดิษฐ์ Voltaic Pile โดยการนำแผ่นทองแดงและแผ่นสังกะสีมาวางซ้อนกันเป็นชั้นๆ แล้วคั่นด้วยกระดาษซับซึ่งจุ่มไว้ในกรดเกลือ แผ่นแรกและแผ่นสุดท้ายต่อกับสายลวด ปรากฎว่ามีกระแสไฟฟ้าไหลตามเส้นลวด โวลต้ารายงานให้โลกวิทยาศาสตร์ได้รับรู้ในเวลาต่อมา เกิดการนำกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้งานได้สำเร็จ


ภายหลังมีผู้ประดิษฐ์ แบตเตอรี่ให้มีพลังงานสูงขึ้น โดยการนำเอาแบตเตอรี่มาเชื่อมต่อกันสองอัน หรือมากกว่านั้น ก็ยิ่งให้พลังงานไฟฟ้าได้สูงมากยิ่งขึ้น


จึงนับได้ว่า แบตเตอรี่มาจากขากบด้วยความบังเอิญของกัลป์วานี่ที่ใช้คีมไปแตะที่ขากบ ในปัจจุบัน มนุษย์ใช้แบตเตอรี่กันอย่างกว้างขวาง ในรูปของถ่านไฟฉาย (เซลล์แห้ง) หรือแบตเตอรี่ในรถยนต์ (เซลล์เปียก)





ที่มา : กูเกิลกูรู
(อ่านประวัติ อเลสซานโดร โวลตา : Alessandro Volta http://world-scientist.blogspot.com/2010/05/alessandro-volta.html
เนื้อหาเพิ่มเติม ได้ที่ http://www.sema.go.th/files/Content/science/k4/0033/sienctist/page22.html ) เรียบเรียงจาก หนังสือ สิ่งประดิษฐ์คิดได้ไง สนพ. สารคดี
ขอขอบคุณ : ฟิสิกส์ราชมงคล


ISBN 974-484-222-9

ไม่มีความคิดเห็น: