ขณะเดินทางกลับบ้าน ในปี พศ. 2402 โรเบิร์ต ชีสโบรก์ รู้สึกสิ้นหวังกับความล้มเหลวของตนเอง เขาเริ่มขายน้ำมันก๊าด เมื่ออายุได้ 27 ปี ด้วยความมั่นใจว่าจะทำเงินได้ดี แต่น้ำมันก๊าดกลับเป็นสินค้าราคาแพง จากนั้นจึงเดินทางกลับรัฐเพ็นซิลเวเนีย โดยหวังจะแทรกตัวเข้าไปในธุรกิจตลาดน้ำมันดิบ แต่ราคาน้ำมันดิบก็กลับพุ่งสูงจนน่าตกใจ ชีสโบร์ก อยู่ในสภาพตกงานโดยปริยาย ช่วงนั้นเขาคบหาเป็นเพื่อนกับพวกพนักงานฐานขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเคยเล่าให้เขาฟังถึงสารเหนียวเหนอะหนะตัวหนึ่งที่เกิดจากกการขุดเจาะ สารที่เรียกว่าขี้ผึ้งแท่งมักจะเกาะอยู่ที่แท่นหัวเจาะจนขยับขึ้นลงไม่ค่อยได้ แต่มีคุณสมบัติในการรักษาโรค ชีสโบร์กตักขี้ผึ้งแท่งใส่ลงถังเพื่อนำกลับบ้าน หากเทียบกับเงินที่เขาเคยหวังว่าจะหาได้ก่อนหน้านี้ ผลตอบแทนจากขี้ผึ้งแท่งคงน้อยนิดจนแทบจะไม่มีค่า

แม้สรรพคุณจะดีจริง แต่คนก็ยังไม่นิยมซื้อ ชีสโบร์กจึงเดินแจกตัวอย่างตามสถานที่ก่อสร้างในนครนิวยอร์ก รวมทั้งขับรถม้าท่องไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของขี้ผึ้งด้วยการป้ายลงบนแผลที่ใช้มีดกรีดสด ๆ หรือไม่ก็เอาไฟเผา จากนั้น จึงแจกขี้ผึ้งให้ไปใช้เป็นตัวอย่าง
เมื่อถึงปี 2417 ขี้ผึ้งของชีสโบร์กขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นอกจากใช้ทาแผลถูกของมีคมบาด หร์อไฟลวกแล้ว ผู้คนยังนำไปทาถูเครื่องเรือนไม้ หนังที่แห้งแตกลาย เครื่องมือทำสวนที่เป็นสนิม เบ็ดตกปลา และริมฝีปากที่แห้งแตก ของไร้ค่าจากน้ำมันดิบช่วยสร้างธุรกิจจนเติบโตมีอนาคตไกล และกลายเป็นฐานรากสำคัญของอาณาจักรชีสโบร์กพอนด์ในช่วงหลายสิบปีต่อมา หลังจากนั้นชีสโบร์กเดินหน้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และลงสมัครชิงตำแหน่งการเมือง(เขาแพ้เลือกตั้ง)แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังผูกพันกับงานค้นพบชิ้นแรกของตัวเอง เขากินวาสลินหนึ่งช้อนพูนทุกเช้า โดยอ้างว่าช่วยให้เขารอดพ้นเงื้อมมือพญายมมาได้ 96 ปี เป็นที่น่าสังเกตว่า ร็อกกีเฟลเลอร์ไม่เคยทำแบบนี้ แต่มีชีวิตยืนยาวถึง 98 ปี
ที่มา : อัจฉริยะโดยบังเอิญ โดย SHEA DEAN
ใน Reader’s Digest สรรสาระ ฉบับประจำเดือนเมษายน 2547 หน้า 62-65
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น