"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--

ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)



วันศุกร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

คุณชีสโบรก์ เจ๊งธุรกิจน้ำมันก๊าด ปี 2402 ไปได้ขี้ผึ้งจากหัวแท่นเจาะฯ หมกตัวกรีดตัวเองขี้ผึ้งทาแล้วหาย "วาสลีน" จึงเกิดขึ้น

เยลลีรักษาโรค กำเนิด ขึ้ผึ้ง "วาสลีน"


ขณะเดินทางกลับบ้าน ในปี พศ. 2402 โรเบิร์ต ชีสโบรก์ รู้สึกสิ้นหวังกับความล้มเหลวของตนเอง เขาเริ่มขายน้ำมันก๊าด เมื่ออายุได้ 27 ปี ด้วยความมั่นใจว่าจะทำเงินได้ดี แต่น้ำมันก๊าดกลับเป็นสินค้าราคาแพง จากนั้นจึงเดินทางกลับรัฐเพ็นซิลเวเนีย โดยหวังจะแทรกตัวเข้าไปในธุรกิจตลาดน้ำมันดิบ แต่ราคาน้ำมันดิบก็กลับพุ่งสูงจนน่าตกใจ ชีสโบร์ก อยู่ในสภาพตกงานโดยปริยาย ช่วงนั้นเขาคบหาเป็นเพื่อนกับพวกพนักงานฐานขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งเคยเล่าให้เขาฟังถึงสารเหนียวเหนอะหนะตัวหนึ่งที่เกิดจากกการขุดเจาะ สารที่เรียกว่าขี้ผึ้งแท่งมักจะเกาะอยู่ที่แท่นหัวเจาะจนขยับขึ้นลงไม่ค่อยได้ แต่มีคุณสมบัติในการรักษาโรค ชีสโบร์กตักขี้ผึ้งแท่งใส่ลงถังเพื่อนำกลับบ้าน หากเทียบกับเงินที่เขาเคยหวังว่าจะหาได้ก่อนหน้านี้ ผลตอบแทนจากขี้ผึ้งแท่งคงน้อยนิดจนแทบจะไม่มีค่า


ในช่วงทศวรรษ 1860 ขณะที่จอห์น ร็อกกีเฟลเลอร์โกยเงินมหาศาลจากธุรกิจน้ำมันชีสโบร์ก กลับหมกตัวอยู่ในห้องปฏิบัติการใต้ถุนบ้าน แล้วใช้ตัวเองเป็นหนูทดลองด้วยการกรีดแขนและเผาผิวหนังตัวเอง จากนั้นก็นำขี้ผึ้งแท่งที่สกัดจนเป็นเยลลี่ทาทั่วแผล เมื่อเห็นว่าแผลหายโดยไม่มีการติดเชื้อ (เยลลี่ซึ่งไม่มีสีและกลิ่นสามารถป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าแผลได้) เขาเริ่มผลิตขี้ผึ้งออกมาจำนวนมาก และเรียกผลิตภัณฑ์นี้ว่า “วาสลิน” จากนั้นจึงบรรจุลงตลับขนาด28 กรัม และขายตลับละหนึ่งเซนต์

แม้สรรพคุณจะดีจริง แต่คนก็ยังไม่นิยมซื้อ ชีสโบร์กจึงเดินแจกตัวอย่างตามสถานที่ก่อสร้างในนครนิวยอร์ก รวมทั้งขับรถม้าท่องไปตามเมืองต่าง ๆ เพื่อแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของขี้ผึ้งด้วยการป้ายลงบนแผลที่ใช้มีดกรีดสด ๆ หรือไม่ก็เอาไฟเผา จากนั้น จึงแจกขี้ผึ้งให้ไปใช้เป็นตัวอย่าง

เมื่อถึงปี 2417 ขี้ผึ้งของชีสโบร์กขายดีเป็นเทน้ำเทท่า นอกจากใช้ทาแผลถูกของมีคมบาด หร์อไฟลวกแล้ว ผู้คนยังนำไปทาถูเครื่องเรือนไม้ หนังที่แห้งแตกลาย เครื่องมือทำสวนที่เป็นสนิม เบ็ดตกปลา และริมฝีปากที่แห้งแตก ของไร้ค่าจากน้ำมันดิบช่วยสร้างธุรกิจจนเติบโตมีอนาคตไกล และกลายเป็นฐานรากสำคัญของอาณาจักรชีสโบร์กพอนด์ในช่วงหลายสิบปีต่อมา หลังจากนั้นชีสโบร์กเดินหน้าลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และลงสมัครชิงตำแหน่งการเมือง(เขาแพ้เลือกตั้ง)แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังผูกพันกับงานค้นพบชิ้นแรกของตัวเอง เขากินวาสลินหนึ่งช้อนพูนทุกเช้า โดยอ้างว่าช่วยให้เขารอดพ้นเงื้อมมือพญายมมาได้ 96 ปี เป็นที่น่าสังเกตว่า ร็อกกีเฟลเลอร์ไม่เคยทำแบบนี้ แต่มีชีวิตยืนยาวถึง 98 ปี




ที่มา : อัจฉริยะโดยบังเอิญ โดย SHEA DEAN
ใน Reader’s Digest สรรสาระ ฉบับประจำเดือนเมษายน 2547 หน้า 62-65
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น: