"ความรู้ ไม่ใช่ปัญญา" (Knowledge is not wisdom.) --ไอน์สไตน์--

ความรู้เป็นเรื่องของความความคิดตาม ประสบการณ์ การทดลอง หรือองค์แห่งสาระ มากมายตำรา มาให้อ่านและเพิ่มพูน แต่ปัญญาเป็นเรื่องทางจิตใจ ความเข้าใจ ประกอบโดยสติและรู้เท่าทัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการรู้เท่าทันตนเอง ตรงนี้เอง "ความรู้ท่วมหัว เอาตัวไม่รอด" ไม่ได้เกิดจากความรู้เยอะ แต่น่าจะเกิดจากมีปัญญาไม่พอ ที่จะประคองชีวิตให้พ้นผ่านอุปสรรค (ขยายความจาก "ความรู้ ไม่ไช่ปัญญา - Khowledge is not wisdom" คำจาก ไอน์สไตน์)



วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

ทำไมแมงมุมไม่ติดใยมัน? มันชักใยแห้งทำรังของมันก่อน เมื่อใกล้เสร็จจะถักใยเหนียวดักแมลง แล้วเว้นที่บางส่วนไว้เดินเอง ตัวเมียเป็นผู้ชักใยเท่านั้น

ทำไมแมงมุมจึงไม่ติดใยของมัน



ใยแมงมุมนั้นเป็นกับดักอย่างดี ที่จะคอยดักพวกแมลงต่างๆ ที่หลงมาติดใยอันเหนียวแน่น แต่เป็นที่น่าแปลกใจว่าแมงมุมไม่เคยติดใยของตัวมันเองเลย ขั้นตอนการชักใยอันชาญฉลาดของแมงมุนนั้น มันจะชักใยแห้งไม่เหนียวทำรังของมันก่อน และเมื่อรังใกล้เสร็จมันก็จะชักใยถักอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันจะใช้ใยเหนียวที่สามารถดักแมลง และมันจะเว้นพื้นที่บางส่วนไว้สำหรับการเคลื่อนที่ได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้แมงมุมที่ทำการชักใยจะเป็นเพศเมีย

นอกจากนี้แมงมุมยังสามารถรู้ด้วยว่า มีเหยื่อมาติดใยของมันหรือยัง โดยก่อนที่มันจะจากไปหลังจากสร้างใยเสร็จแล้ว มันจะปั่นเส้นใยขึ้นมาเส้นหนึ่งสำหรับไว้เป็นเครื่องมือสื่อสารเชื่อมต่อระหว่างตัวมันกับรังของมันดังนั้นเมื่อมีเหยื่อมาติดกับเส้นใยเข้า แมงมุมก็จะรู้ได้จากการสั่นสะเทือนของเส้นใยที่มันโยงมา จากนั้นมันจะรีบกลับมาเพื่อจับเหยื่อไว้ด้วยเส้นใย และทำการฉีดพิษเข้าสู่ตัวเหยื่อจนแน่ใจว่าเหยื่อแน่นิ่งแล้ว มันก็จะดูดเลือดเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายอย่างสบายๆ

แมงมุมชักใย แมงมุมเริ่มต้นชักใยด้วยการสร้างเป็นโครงสร้างสามเหลี่ยม เป็นวิธีที่ใช้ใยน้อยที่สุด แต่ได้ความแข็งแรงสูงสุดและยืดหยุ่นได้ดี โครงสร้าง รัศมี และวงก้อนหอย อันแรก ใช้ใบชนิดไม่มียางเหนียว แมงมุมสร้างวงก้นหอยที่สองเป็นใบสำหรับดักจับแมลง เป็นอาหาร มันจะปั่นม้วนใยจากปลายข้างนอกเข้ามาหาจุดศูนย์กลาง โดยใช้เป็นยางเหนียว เป็นวงก้นหอยแบบลอการิทึม แมงมุมจำทุกส่วนของแผงใยได้ ดังนั้นแมงมุมจึงไม่ติดกับดักของตัวเอง เมื่อมีแมลงมาติด มันจะรู้ตำแหน่งโดยทันที จากการสั่นของใยรัศมี โดยไปทางเส้นใยที่ไม่มียางเหนียว


 
 
ที่มา : หนังสือ สัตว์โลกน่ารู้ เล่ม 2
เพิ่มเติม (ตอนท้าย) : http://chookwan.blogspot.com/2008/01/blog-post_1694.html
รูปภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ไม่มีความคิดเห็น: